10 หุ้นปันผลสูง P/E ต่ำ อัปเดตล่าสุด 2566

ในช่วงที่ตลาดการลงทุนผัวผวนเกือบทุกประเภทสินทรัพย์ “หุ้นปันผล” จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสร้างกระแสเงินสดที่ไม่ควรมองข้าม ขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างผลตอบได้อย่างน่าประทับใจอีกด้วย

บทความนี้จึงขอพาทุกคนมาดู “10 หุ้นปันผลสูง P/E ต่ำ อัปเดตล่าสุด 2566” ที่คัดมาแล้ว จะมีหุ้นใดบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้เลย ใครอยากมีหุ้นปันผลเก็บติดพอร์ตไว้ห้ามพลาดในบทความนี้!

วิธีคัดเลือก หุ้นปันผล ดูยังไงได้บ้าง?

จะประกอบไปด้วย 5 วิธี ดังต่อไปนี้

1. พื้นฐานงบการเงินที่แข็งแกร่ง 

จะเห็นได้ว่างบการเงินสามารถบอกอดีตและอนาคตของกิจการได้เป็นอย่างดี เราสามารถดูกำไรสะสมของบริษัทย้อนหลัง บริษัทที่มีความสามารถจ่ายเงินปันผลได้ แสดงว่าบริษัทเหล่านั้น ต้องมีกำไร ถึงจะสามารถผลตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหุ้น จะประกอบไปด้วย

  • โครงสร้างหนี้เหมาะสม การที่บริษัทจะจ่ายปันผลได้ต้องมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถดูได้จากโครงสร้างหนี้ว่ามี “หนี้สินต่อทุน” (D/E Ratio) มากเกินไปหรือไม่” และหนี้สินที่มีอยู่เป็นหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาวนั่นเอง
  • กำไรสะสมเป็นบวก นอกจากดูโครงสร้างหนี้แล้ว สามารถดูจาก “กำไรสะสม” ได้ด้วย โดยปกติบริษัทจดทะเบียนจะนำกำไรส่วนที่เหลือจากการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมาเก็บเป็นกำไรสะสม หากบริษัทไหนยังขาดทุนสะสมอยู่ แต่บริษัทอาจพิจารณานำกำไรเหล่านั้นไปชดเชยในส่วนที่ยังขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับเงินปันผลก็ได้

2. เป็นธุรกิจที่ดีมีการเติบโต

หัวใจสำคัญของหุ้นปันผล คือ ต้องเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของกิจการ โดยเลือกหุ้นที่มีจุดแข็งในการแข่งขันกับคู่แข่ง ยิ่งเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งขันน้อยรายหรือหน้าใหม่เข้ามาในธุรกิจได้ยาก ก็ยิ่งดี โดยเราต้องเลือกธุรกิจที่มีแนวโน้มไปต่อได้และยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว

3. หุ้นปันผล ควรจ่ายสม่ำเสมอ

หุ้นปันผล มีอีกวิธีในการตัดสินใจเลือกลงทุน คือ ต้องจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ การเช็คประวัติดังกล่าวของบริษัท ก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เพื่อการันตีว่า นักลงทุนจะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเช็คประวัติการจ่ายเงินปันผลย้อนหลังของบริษัท ควรย้อนดูอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป เพราะจะทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูล ที่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

4. หุ้นปันผลดี ควรจะมีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่อง

หุ้นปันผลดี ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีความเสี่ยงนะ แต่การเลือกหุ้นปันผลที่ดี มีวิธีการเลือกต้องใช้ปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงในการวิเคราะห์การลงทุนหุ้น ส่วนใหญ่นิยมเลือกดูจากค่าเบต้า (Beta) หรือวิเคราะห์โดยใช้ค่า P/E ที่นิยมใช้วัดความถูกแพงของหุ้น

5. มีสภาพคล่องในการซื้อขาย

หุ้นปันผลที่ดีนอกจากจะมีฐานะการเงินแข็งแกร่งแล้วต้องมี สภาพคล่องสูงด้วย เพราะต่อให้เป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี แต่มีสภาพคล่องน้อย การซื้อขายแต่ละครั้งอาจทำได้ยากและต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ควรเลือกหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่พอสมควร เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50 หรือหุ้นในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index นะคะ

เกณฑ์การคัดเลือก หุ้นปันผล  

1. ธุรกิจมีกำไรต่อเนื่อง

หุ้นที่จะปันผลได้ต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการมองลักษณะธุรกิจก่อน ถ้าลักษณะของธุรกิจที่กำไรไม่ต่อเนื่อง ปันผลที่ได้รับจะขึ้นๆ ลงๆ ตามผลประกอบการ

2. ผลประกอบการสม่ำเสมอ

เราต้องการความสม่ำเสมอเป็นหลัก สิ่งที่นักลงทุนต้องดูคือ รายได้และกำไรต้องเติบโตอย่างต่อเนื่อง และต้องมีอัตราส่วนทางการเงินสม่ำเสมอที่จะสะท้อนถึงการจัดการที่ดี อัตราส่วนสำคัญที่ต้องดูคือ ROA ROE อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ ดูย้อนหลังหลายๆ ปี ไม่ควรผันผวนมาก วิธีดูความสม่ำเสมออย่างง่ายสามารถดูจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของช่วงที่เราสนใจไม่ควรห่างกันมากแค่นั้นเลย

3. อุตสาหกรรมมีการเติบโต

หุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเป็นขาลงราคาหุ้นจะเป็นขาลงตามไปด้วย หลายครั้งที่ขาดทุนจากส่วนต่างราคามากกว่าเงินปันผลที่ได้อีก เนื่องจากเมื่อกำไรโต ให้ดูที่สินทรัพย์ ว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่าไม่มีการลงทุนอะไร อนาคตหุ้นไม่เติบโตราคาก็จะไม่ไปไหน

4. กระแสเงินสดเป็นบวก

ข้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ กระแสเงินสด โดยให้พิจารณาย้อนหลังไป 5-10 ปี หากกระแสเงินสดเป็นบวกต่อเนื่อง ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผลในอนาคตของบริษัท

5. PE ไม่แพงเกินไป

หุ้นที่มี PE แพงๆ ถึงแม้ว่าจะได้เงินปันผล แต่เราซื้อที่ราคาแพง ถ้าผลประกอบการผิดคาดเพียงนิดเดียวราคาหุ้นก็พร้อมที่จะเทลงอย่างกับบริษัทจะเจ๊ง ดังนั้นถ้าชอบหุ้นปันผลอาจเลือกหุ้นที่ PE ไม่แพงมาก เช่นไม่เกิน 20 เท่าและมีการเติบโตเล็กน้อย จะเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้เพิ่มขึ้นได้นะคะ

  • หุ้นที่มี P/E ต่ำ ความเสี่ยงจะมีน้อยกว่าหุ้นที่มี P/E สูง

ถ้าต้องการเลือกหุ้นปันผลดี เพื่อให้ความเสี่ยงน้อย ควรเลือกหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด 

10 หุ้นปันผลสูง P/E ต่ำ อัปเดตล่าสุด 2566

มีด้วยกันทั้งหมด 10 หลักทรัพย์ โดยใช้เงื่อนไขในการค้นหา ดังนี้

  • ราคาต่ำกว่า 10 บาท 
  • หุ้นที่มี P/E ต่ำกว่า 15 เท่า
  • มาร์เก็ตแคปเกิน 5,000 ล้านบาท 
  • ปันผลสูงเกิน 6%
  • ใช้ราคาปิด ณ วันที่ 23 มกราคม 2566

1. บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP บริษัทดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยธุรกิจหลักในปัจจุบันประกอบด้วย ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจการลงทุน ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจกิจการร่วมลงทุนราคาปิด 3.10 บาท มาร์เก็ตแคป 6,527.53 ล้านบาท P/E 13.34 เท่า เงินปันผลตอบแทน 12.90% 

P/E (เท่า)

25622563256425652566
12.1412.438.0312.8213.34

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
11.495.965.2013.4212.90

2.บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KGI เป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราช บัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด โดยประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และได้รับอนุญาตและความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ราคาปิด 5.10 บาท มาร์เก็ตแคป 10,157.99 ล้านบาท P/E 8.11 เท่า เงินปันผลตอบแทน 10.78%

P/E (เท่า)

25622563256425652566
8.4419.226.457.958.11

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
8.638.973.9711.0010.78

3.บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)หรือ UVAN ธุรกิจหลัก คือ สวนปาล์ม สกัดน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงกลั่นน้ำมันปาล์มทั้งในและต่างประเทศ ราคาปิด 7.95 บาท มาร์เก็ตแคป 7,473.00 ล้านบาท P/E 6.26 เท่า เงินปันผลตอบแทน 8.81%

P/E (เท่า)

25622563256425652566
15.3820.028.116.116.26

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
7.485.86 4.399.038.81

4.บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW พัฒนาและบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลัก ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก โดยจำหน่ายน้ำดิบให้แก่นิคมอุตสาหกรรม โรงงานทั่วไป ราคาปิด 5.40 บาท มาร์เก็ตแคป 8,984.12 ล้านบาท P/E 11.05 เท่า เงินปันผลตอบแทน 7.78%

P/E (เท่า)

25622563256425652566
17.0219.0614.9310.8511.05

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
4.275.05 4.307.927.78

5.บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TPIPP ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง และโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF ราคาปิด 3.44 บาท มาร์เก็ตแคป 28,896.00 ล้านบาท P/E 8.90 เท่า เงินปันผลตอบแทน 7.27%

P/E (เท่า)

25622563256425652566
8.587.788.038.798.90

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
8.909.35 6.497.357.27

6.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)หรือ IRPC กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจ 1) ธุรกิจปิโตรเลียม โดยมีโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจท่าเรือและถังเก็บผลิตภัณฑ์ ให้บริการท่าเทียบเรือเพื่อขนถ่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ราคาปิด 3.14 บาท มาร์เก็ตแคป 64,164.08 ล้านบาท P/E 12.89 เท่า เงินปันผลตอบแทน 7.01%

P/E (เท่า)

25622563256425652566
5.6412.3912.89

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
5.162.69 1.567.287.01

7.บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ LALIN ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ราคาปิด 9.25 บาท มาร์เก็ตแคป 8,556.24 ล้านบาท P/E 6.38 เท่า เงินปันผลตอบแทน 6.81 %

P/E (เท่า)

25622563256425652566
5.655.666.166.276.38

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
6.605.24 6.566.926.81

8.บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ VNG บริษัทและบริษัทย่อยผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้ (Panel Board) เพื่อใช้ทดแทนไม้ธรรมชาติ ราคาปิด 5.90 บาท มาร์เก็ตแคป 10,237.90 ล้านบาท P/E 8.47 เท่า เงินปันผลตอบแทน 6.78 %

P/E (เท่า)

25622563256425652566
17.308.198.47

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
5.24 –7.026.78

9.บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน)หรือ TTW ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ราคาปิด 9.45 บาท มาร์เก็ตแคป 37,705.50 ล้านบาท P/E 12.52 เท่า เงินปันผลตอบแทน 6.35 %

P/E (เท่า)

25622563256425652566
19.2015.4814.3111.9312.52

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
4.354.84 5.266.676.35

10.บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม ราคาปิด 6.45 บาท มาร์เก็ตแคป 11,918.24 ล้านบาท P/E 6.01 เท่า เงินปันผลตอบแทน 6.28 %

P/E (เท่า)

25622563256425652566
7.0312.267.395.916.01

Dividend yield ratio (%)

25622563256425652566
4.643.13 2.756.386.28

ตารางต่อไปนี้จะแสดงวิธีการเปรียบเทียบ เพื่อให้นักลงทุนสามารถดูได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

10-dividend-stocks-1
ข้อมูลจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ณ วันที่ 23 มกราคม 2566

เป็นยังไงกันบ้าง อ่านบทความมาถึงตรงนี้แล้ว ข้อความที่กล่าวในบทความด้านบน จากประสบการณ์ของผู้เขียนคิดว่า เมื่อเราหาหุ้นที่เข้าทั้ง 5 กลยุทธ์นี้แล้ว และดูการเปรียบเทียบจากปีก่อน ๆ ที่ผู้เขียนได้ทำการเปรียบเทียบไว้ในตาราง จะทำให้เรามีโอกาสเลือกหุ้นปันผลที่สตรอง แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น บางคนสามารถสร้างปันผลจนสามารถนำมาหล่อเลี้ยงชีวิตได้เลย ผู้เขียนหวังว่าหลังจากนี้จะสามารถนำไปปรับใช้กันได้เข้ากับเข้าสไตล์การลงทุนของเราเองได้นะ

หุ้นปันผล ซื้อตอนไหนดีสุด?

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ซื้อหุ้นปันผลตอนไหนดีสุด?” บทความนี้เรามีเทคนิคการซื้อขายหุ้นปันผลเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีมาฝากทุกคนกัน

โดยมีการศึกษาผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของหุ้นที่จ่ายปันผลปีละครั้ง พบว่า หากนักลงทุนซื้อหุ้นปันผลก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend คือ วันที่นักลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวจะไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล) 2 เดือน จะได้ผลตอบแทนดีที่สุด คือ 11.66%

หากซื้อหุ้นปันผลก่อนขึ้น XD เป็นเวลาเดือนครึ่ง ได้ผลตอบแทน 9.43% และถ้าซื้อก่อนขึ้น XD 1 เดือนจะได้ผลตอบแทน 6.37% แต่ซื้อก่อนขึ้น XD ราว 2 สัปดาห์ จะได้ผลตอบแทนราว 2.31% และถ้าซื้อก่อนขึ้น XD ประมาณ 1 สัปดาห์ จะได้ผลตอบแทนราว 0.50%

เรียกว่ารู้ก่อนและซื้อก่อนก็จะได้ของดีราคาถูก ได้โอกาสได้กำไรมากกว่า!!

ส่วนหุ้นที่จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งขึ้นไป ปรากฏว่าหุ้นที่ซื้อก่อนขึ้น XD 2 เดือน ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 7.81% หากซื้อก่อนขึ้น XD เดือนครึ่ง ได้ผลตอบแทน 5.67% ซื้อก่อนขึ้น XD 1 เดือนได้ผลตอบแทน 4.29% ซื้อก่อนขึ้น XD ประมาณ 2 สัปดาห์ ได้ผลตอบแทน 2.25% แต่ถ้าซื้อก่อนขึ้น XD ประมาณ 1 สัปดาห์ จะได้ผลตอบแทนราว 0.86% 

ปัจจัยที่มีผลต่อการจ่ายหุ้นปันผล

1. ข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย การจ่ายเงินปันผลของธุรกิจจะต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์

2. สภาพคล่องธุรกิจ ปริมาณเงินสดที่มีอยู่มีมากกว่าความต้องการในการ ใช้จ่ายเงินในอนาคตของบริษัท ก็จะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลในปริมาณที่สูงขึ้น

3. ความสามารถในการกู้ยืม หากบริษัทมีความสามารถในการกู้ยืมเงินลงทุน จากทางสถาบันการเงินได้มากเพียงพอกับความต้องการใช้เงินในโครงการในอนาคตก็จะทำให้ความ จำเป็นในการสะสมเงินสดของบริษัทนั้นลดลงทำให้มีโอกาสที่จะจ่ายปันผลในปริมาณที่สูงขึ้น

4. การควบคุมกิจการ การแทรกแซงนโยบายของทางผู้บริหารในการลงทุน ขยายกิจการโดยใช้การลงทุนจากกำไรสะสมก่อนการกู้ยืมจากทางสถาบันการเงินก็จะส่งผลให้การ จ่ายเงินปันผลลดลง

5. โอกาสในการลงทุน การประกอบธุรกิจของบริษัทมีผลกำไรอย่าง สม่ำเสมอก็จะทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์การบริหารจัดการเงินทุนในอนาคตได้อย่างแม่นยำทำให้ มีโอกาสจ่ายเงินปันผลในปริมาณที่สูงขึ้น

6. ฐานะทางภาษีของผู้ถือหุ้น การได้รับเงินปันผลของผู้ถือหุ้นเป็นรายได้ที่จะต้องเสียภาษี ทำให้ผู้ถือหุ้นบางรายพอใจที่จะให้บริษัทสะสมเงินไว้ในกำไรสะสม เพราะต้องการได้รับผลประโยชน์ การที่มูลค่าของหลักทรัพย์ขึ้นสูงขึ้นมากกว่าการได้รับเงินปันผล

บทสรุป

แม้ว่าจะเลือกลงทุนหุ้นปันผลที่ถือว่าค่อนข้างปลอดภัยอยู่แล้วก็จริง แต่ภาวะตลาดผันผวนแบบนี้ ต้องพิถีพิถันกลั่นกรองในการเลือกหุ้นมากขึ้น หมายความว่า การเลือกตัวหุ้นที่ดีเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญ แต่หากมีเทคนิคในการจับจังหวะลงทุนได้เหมาะสมเข้ามาช่วย ก็จะยิ่งทำให้การตัดสินใจแม่นยำมากขึ้น และแน่นอนพอร์ตการลงทุนจะมั่งคั่งขึ้นตามไปด้วย เพื่อลดความเสียหายของพอร์ตลงทุน หุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอนับเป็นเกราะป้องกันชั้นดีเยี่ยมอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแน่นๆ รองรับ อาจมีโอกาสได้กำไรจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นได้อีกด้วยนะคะ

**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

รับฟรีทันที! เงินเสมือนจริง $50,000 เพื่อฝึกฝนการเทรดกับ Mitrade!