บิทคอยน์ ได้เงินจริงไหม? ขุดบิทคอยน์ คุ้มไหม 2023

Bitcoin คืออะไร? เล่นบิทคอยน์ ได้เงินจริงไหม?

Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลในประเภทของ Cryptocurrency เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยี Blockchain ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแบบดิจิทัลและดูแลโดยมหาชน นั่นเท่ากับว่า Bitcoin ไม่ขึ้นตรงกับใคร

อธิบายง่าย ๆ Bitcoin ก็คือทองคำดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาให้ขุดได้ ทางเทคนิคแล้ว ถูกออกแบบมาแค่เพียง 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น จะไม่สามารถมีมากกว่านี้ได้ และจะค่อย ๆ ถือกำเนิดขึ้นมาเรื่อย ๆ ผ่านการขุด

ตัวชี้วัดสำคัญ

• ปัจจุบันในทุกๆ 10 นาที จะมี Bitcoin เกิดใหม่ 6.25 BTC ต่อบล็อก และ Bitcoin ที่ออกใหม่จะผลิตลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปีโดยประมาณ ซึ่งการเกิดใหม่ที่ลดลงครึ่งหนึ่งเรียกว่า “ฮาล์ฟวิง” และ “ฮาล์ฟวิง” ครั้งถัดไปราวเดือนมีนาคมปี 2567: https://buybitcoinworldwide.com/halving/
• หากทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของฮาล์ฟวิง Bitcoin จะผลิตออกมาครบทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ

ในปี พ.ศ.2683 หรือนับจากนี้ไปอีก 118 ปี

สำหรับคำถามที่ว่า เล่น Bitcoin ได้เงินจริงไหม ? คำตอบคือการเล่น Bitcoin ได้เงินจริง เพราะการเล่น Bitcoin เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อ Bitcoin หรือที่เรียกกันว่า “ซื้อถูก ขายแพง” อย่างเช่น ซื้อ Bitcoin ในราคา 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อราคา Bitcoin ปรับขึ้นเป็น 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก็ขายออกไป ส่วนต่างหรือกำไรที่ได้คือ 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ แปลงเป็นเงินไทย เท่ากับ 1,907,812 บาท (ค่าเงินบาท ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2565)

ขุดบิทคอยน์ คุ้มไหม 2023

จะเห็นได้ว่าช่วงเวลานับตั้งแต่ต้นปี ราคา Bitcoin และเหรียญดิจิทัลต่างก็ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าอัตราการขุดกลับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะต้องใช้ระยะเวลาในการคืนทุนที่สูงขึ้นจากการปรับตัวลงมาของราคาเหรียญก็ตาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักขุดคริปโตฯ ยังมีความเชื่อมั่นเป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้

การทำกำไรจาก Bitcoin วิธีหนึ่งที่อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกของใครหลาย ๆ คน ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นการรันอุปกรณ์ขุดไปเรื่อย ๆ ขณะที่นักลงทุนเพียงแค่รอ Bitcoin ผลตอบแทนแบบง่าย ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วการขุด Bitcoin ไม่ได้เรียบง่ายและทำกำไรได้อย่างที่เห็นเผิน ๆ เนื่องจากยังมีค่าใช้จ่ายแฝง และโครงสร้างกติกาการขุดเหรียญที่ทำให้การขุดเหรียญเป็นไปได้ยากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าการขุด Bitcoin จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงเพื่อแก้สมการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้สำหรับยืนยันการทำธุรกรรมในเครือข่าย เมื่อเทียบกับการขุด Bitcoin ยุคเริ่มแรกที่การแข่งขันยังไม่สูงมาก ทำให้คนเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น แต่ปัจจุบันรางวัลสำหรับการขุดลดลงครึ่งหนึ่งในทุก 4 ปี รวมกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และต้นทุนการขุดที่สูงขึ้น ทำให้การขุด Bitcoin อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ทำกำไรได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน

เรามาดูต้นทุนที่นักลงทุนที่ตั้งใจจะลงสนามขุดบิทคอยน์ควรคำนึงถึงกัน

• อุปกรณ์การขุดบิทคอยน์ เพื่อให้ความสามารถในการขุดเท่าเทียมกับคู่แข่งคนอื่น ๆ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สำหรับการขุดโดยเฉพาะที่เรียกว่า Application-specific integrated circuit (ASIC) miners ซึ่งมีความสามารถในการประมวลผลสูง กินไฟน้อยกว่า แต่ก็มีราคาสูง
• ค่าไฟ เนื่องจากการขุดบิทคอยน์ต้องการพลังการประมวลผลสูง ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูงตามไปด้วยนั่นเอง
• ค่าสมาชิกกลุ่มขุดบิทคอยน์ เป็นค่าใช้จ่ายแฝงสำหรับการขุดบิทคอยน์ นั่นคือค่าธรรมเนียมการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มขุดบิทคอยน์ เนื่องจากปัจจุบันการขุดเหรียญด้วยตัวคนเดียวนั้นเป็นไปได้ยากมากที่จะแข่งขันกับกลุ่มขุดอื่น ๆ การเข้าร่วมกลุ่มแบบนี้จึงช่วยเพิ่มโอกาสชนะการขุดได้มากขึ้น

ผู้เขียนคิดว่า ด้วยภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น ผลตอบแทนที่ลดน้อยถอยลง และต้นทุนการขุดที่เป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้การขุดบิทคอยน์ สำหรับมือสมัครเล่นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการทำกำไรได้อย่างคุ้มค่านักนะคะ

แนวโน้มราคาสูงสุดและต่ำสุดของบิทคอยน์

ข้อมูลด้านล่างนี้คือแนวโน้มราคา bitcoin สูงสุดและต่ำสุดที่นักลงทุนอาจต้องการจับตามอง

อยากลงทุน Bitcoin เล่นยังไง?

ผู้เขียนขอแนะนำ 2 วิธีลงทุน ดังหัวข้อด้านล่างต่อไปนี้

วิธีที่ 1. ซื้อบิทคอยน์โดยตรงจากผู้ที่มีเหรียญอยู่

เป็นวิธีลงทุน Bitcoin ที่นักลงทุนต้องติดต่อกับผู้ที่มีเหรียญ Bitcoin อยู่ โดยอาจประกาศหาตัวบุคคลดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย Bitcoin เมื่อพบตัวค่อยทำการตกลงราคา Bitcoin หลังเก็งกำไร Bitcoin ได้ในราคาที่พอใจ ก็ติดต่อหาผู้ที่สนใจแล้วทำการขายเหรียญ Bitcoin ต่อ วิธีนี้ดูเหมือนง่ายใช่ไหม แต่ที่จริงแล้วมีความยุ่งยากและเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเลยนะ เพราะต้องใช้เงินในการซื้อ Bitcoin เต็มจำนวน แถมมีความเสี่ยงถูกคู่สัญญาโกงไม่ยอมโอน Bitcoin ให้ตามที่ตกลงอีกด้วย

วิธีที่ 2. ซื้อบิทคอยน์ผ่านเว็บเทรด

เว็บเทรด Bitcoin เปรียบเสมือนตลาดที่รวบรวมผู้ต้องการซื้อขาย Bitcoin ไว้ในที่เดียวกัน ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญ Bitcoin ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องเสียเวลาหาผู้ซื้อหรือผู้ขายเอง และไม่จำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เก็บเหรียญ เพราะเมื่อเปิดบัญชีซื้อขายเว็บเทรดจะทำหน้าที่ดูแลเหรียญ Bitcoin ให้นักเทรด แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไขที่เว็บเทรดกำหนดด้วย

วิธีเทรดบิทคอยน์

ถ้าการขุดบิทคอยน์ (Bitcoin) ไม่ใช่สิ่งที่เราถนัด พี่ทุยมีคำแนะนำเพิ่มเติมอีก นั่นก็คือ เราสามารถลงทุนผ่าน Bitcoin ได้ง่าย ๆ โดยการเทรดได้ ซึ่งสามารถเทรดได้ตามเว็บเทรดต่าง ๆ เช่น Binance,Bitkub หรือ Mitrade เป็นต้น

ขั้นตอนการซื้อนั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่

1. สมัครเว็บ
2. ยืนยันตัวตน
3. โอนเงินเข้าไปในเว็บเทรด และซื้อบิทคอยน์ (Bitcoin) ก็สามารถได้ Bitcoin มาครอบครองแล้ว ง่ายมาก ๆ เลย 

สรุป การลงทุน Bitcoin สามารถทำได้ 2 ทางหลัก ๆ คือ การขุด Bitcoin และการเทรด Bitcoin ทั้งสองรูปแบบมีความยากง่าย แตกต่างกันออกไป พี่ทุยบอกไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่ากัน เพราะการลงทุนนั้นเราก็ควรที่จะเลือกรูปแบบและให้เหมาะสมกับความถนัดรวมทั้ง Lifestyle ของตัวเองให้มากที่สุดนะคะ

ขุด Bitcoin ยังไง?

การขุดบิทคอยน์นั้น ทำได้หลายวิธีดังนี้

• เครื่องขุด Bitcoin ประกอบเอง วิธีนี้สำหรับสายทุ่มสุดตัว สำหรับการซื้อการ์ดจอ ระดับ Hi-end รวมถึงชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่จะรวมร่างกลายเป็น เครื่องขุด Bitcoin แบบประกอบเอง ที่คิดเป็นเงินจำนวนหลักแสนบาท
• เครื่องขุด Bitcoin สำเร็จรูป สำหรับใครที่อยากอัพเลเวล ในการขุดบิทคอยน์ ก็ลองหาซื้อ เครื่องขุด Bitcoin สำเร็จรูป ที่เรียกว่า ASIC มาไว้ขุดเหรียญ BTC แบบจริงจังดูได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนการขุดที่สูงขึ้นตามประสิทธิภาพ เพราะนักเทรดต้องเตรียมจ่ายทั้งค่าไฟที่สูงขึ้นตามกำลังไฟที่ใช้ไปกับอุปกรณ์ขุดอีกด้วย 
• เครื่องขุด Bitcoin แบบเช่า หากนักเทรดไม่อยากประกอบเครื่องขุดเอง เพราะไม่มีเงินทุนและสถานที่วางเครื่องขุด ก็จะมีเครื่องขุดบิทคอยน์แบบเช่า หรือ Cloud Mining เป็นตัวช่วยที่จะทำให้ขุดเหรียญได้แบบไม่ยุ่งยาก เพียงแค่จ่ายค่าจ้างเว็บผู้ให้บริการรับขุด Bitcoin ออนไลน์ ซึ่งมีแพ็คเกจไว้ให้เลือกหลายราคา ก็เตรียมรอรับเหรียญ BTC เข้าสู่กระเป๋าเงินดิจิทัล Bitcoin ได้เลย 
• ขุด Bitcoin แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ยังมีบางเว็บไซต์หรือ Application ที่แจกเหรียญคริปโตฯ     ให้กับผู้ใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งแม้เรามองว่าเหรียญ Bitcoin 1 เหรียญจะมีค่ามาก แต่ตัวเหรียญก็สามารถแบ่งแยกออกเป็นหน่วยย่อย ได้อีกในจำนวนทศนิยม 8 หลักหรือเรียกว่า 1 ซาโตชินั่นเอง สามารถนำออกมาแจกจ่ายได้แบบฟรี ๆ บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น Freebtico.in เป็นรูปแบบของล็อตเตอรี่เสมือนจริงที่มอบรางวัลออกมาเป็นรายชั่วโมง และ 777Bitco.in เป็นแพลตฟอร์มแจก Bitcoin ในจำนวนที่มากกว่า 11 ล้านซาโตชิในรูปแบบเดียวกัน

จะเห็นว่าปัจจุบันมีทางเลือกให้ลงทุนหลากหลายและไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับบางวิธี สามารถรองรับการทำงานได้ในหลากหลายระบบปฏิบัติการ นักเทรดชอบแบบไหนก็ลองเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเองดูนะคะ

ข้อดีข้อเสียของ Bitcoin

ข้อดี

• ✅ ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

Bitcoin ทำงานอยู่บน Blockchain หรือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลเป็นกล่องๆ เชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ เนื่องจากการทำงานนั้นไม่ได้รวมศูนย์ และกระจายการจัดการให้คอมพิวเตอร์อื่นที่เรียกว่า Node ทำให้ถูกแฮกได้ยาก

• ✅ ทำธุรกรรมได้ไม่ต้องผ่านธนาคาร

การเข้ามาของ Cryptocurrency ทำงานบน Smart Contract ไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร ทำให้เร็วกว่า ในระบบที่ใหญ่ขึ้นก็สามารถลดการโกงจากฝีมือของคนได้ด้วย

• ✅ เปิด 24 ชั่วโมง ซื้อขายได้ตลอดเวลา

ตลาด Cryptocurrency เปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง แตกต่างจากสถาบันการเงินในรูปแบบเก่าอย่างธนาคารหรือตลาดหุ้นที่มีวันหยุดและเวลาเปิดปิดที่แน่นอน

• ✅ รักษามูลค่าเหนืออัตราเงินเฟ้อ

นักลงทุนหลายคนเลือกใช้คริปโตเคอร์เรนซีอย่าง บิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นตัวเก็บรักษาและคงมูลค่าของสินทรัพย์ (Store of Value) เอาไว้เก็บคุณค่าให้ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อได้อีกด้วย

ข้อเสีย

• ❎ มีความเสี่ยงที่เงินจะหาย

หลายคนคงเคยได้ยินข่าว โอนเงินคริปโตฯ ไปผิดบัญชีหายไปหลายล้าน หรือการลืม Seed Phrase ทำให้เข้ารหัสไม่ได้ ต้องยอมรับว่า Cryptocurrency ยังเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่อยู่ หลายคนก็ยังใช้ไม่ค่อยเป็น ยิ่งในช่วงหลายปีก่อนนั้นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยมากเลย

• ❎ ยังปกปิดตัวตนไม่ได้ทั้งหมด

ถึงแม้ว่าหัวใจสำคัญของ Cryptocurrency จะเป็นการปกปิดตัวตนเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ก็ยังทำไม่ได้ทั้งหมด ในความเป็นจริงแล้วการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซียังคงมีการทิ้งหลักฐานที่ทำให้องค์กร ภาครัฐ สามารถติดตามการทำธุรกรรมของประชาชนทั่วไปได้ พูดง่ายๆ ก็คือตามถึงตัวได้อยู่ดีนั่นแหละ

• ❎ ตลาดมีความผันผวนสูง

ถึงแม้ว่าการลงทุนใน Cryptocurrency จะถูกมองว่าสร้างผลตอบแทนได้จำนวนมาก ความผันผวนของตลาดก็มากเช่นกัน ในส่วนข้อนี้เหล่านักเทรดคงรู้กันเป็นอย่างดี

• ❎ ใช้ซื้อสินค้าตามกฎหมายในไทยไม่ได้

ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการออกมาประกาศแล้วว่าคริปโตเคอร์เรนซียังไม่สามารถนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาด Cryptocurrency  ในปี 2023

ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง ตลาด Cryptocurrency จะกลับมาเป็นขาขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในปีหน้า เรามาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ตลาด Cryptocurrency มีทิศทางในเชิงบวก

1. นโยบายการเงินของ FED กลับทิศทาง

หากครึ่งปีหลัง FED มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินไม่ว่าจะเป็นการหยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือแม้แต่การปรับทิศหันมาลดดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจถดถอย จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาสินทรัพย์ในสาย Growth ทั้งหุ้นเทคโนโลยีรวมถึงคริปโตฯ ได้

2. การอนุมัติกองทุน Bitcoin ETTF

นักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ ยังรอคอยการอนุมัติกองทุน ETF ของ Bitcoin ที่ลงทุนในตลาด Spot จาก ก.ล.ต. เมื่อเกิด ETF ของ Bitcoin จะทำให้เกิดโปรดักส์การลงทุนอื่น ๆ อย่างกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล ที่มีนโยบายลงทุนใน Bitcoin โดยตรงเกิดขึ้นทำให้เกิดเป็นแรงผลักดันฝั่ง Demand ได้ในที่สุด

3. กระแส Web3 จุดติด

บริษัททางด้านเทคโนโลยีระดับโลกกำลังแห่เข้ามาลงทุนใน Web3 ไม่ว่าจะเป็น Google Meta และอื่น ๆ  ทำให้มีโอกาสสูงที่ผู้ใช้งานทั่วไปจะสามารถเข้าถึง Web3 ได้โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีบล็อกเชนและคริปโตอยู่ในนั้น จะทำให้ตลาดคริปโตฯ มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

4. DeFi เข้าสู่ Mass Adoption

ถ้าหาก DeFi ยุค 2.0 ได้รับการพัฒนาจนสามารถใช้งานได้จริงเป็นไปได้ว่าอาจจะเข้าขั้น Mass Adoption จะเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมคริปโตฯ ให้เติบโตไปได้อย่างมั่นคง

ทั้งหมดที่กล่าวไป คือประเด็นที่จะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดคริปโตฯ ในปี 2023 มีโอกาสที่จะเป็นขาขึ้นได้ โดยมีปัจจัยหนุนในเชิง Supply อย่างเช่นการเกิด Bitcoin Halving ที่จะเกิดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 นั่นเองค่ะ

สรุป

การเล่นบิทคอยน์ (Bitcoin) ได้เงินจริงหรือไม่? จากประสบการณ์ของผู้เขียนขอตอบตรงนี้เลยว่าจริงแท้แน่นอน ในกรณีที่ราคาบิทคอยน์ยังขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่บิทคอยน์กลับตัวเป็นขาลง ก็จะทำให้เล่นแล้วเสียเงินหรือขาดทุนจริงๆ เช่นกันนะคะ อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่แล้ว นักลงทุนเองควรเลือกวิธีการลงทุนบิทคอยน์ที่เหมาะสมกับตนเองให้มากที่สุด เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง และเพื่อเป็นการได้กำไรมากกว่าขาดทุนค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเดิม>>>

เหรียญ DOT (polkadot) คืออะไร? เหรียญใหม่มาแรง

เหรียญ NEAR คืออะไร? ดีไหม? จะล้ม Ethereum ได้หรือไม่?

เว็บเทรดคริปโตที่ไหนดี? 10 เว็บยอดนิยมในไทย – 2022

Bitcoin Cash คืออะไร? และ Hard fork ทำงานอย่างไร?

แนะนำ 10 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาว 2022

Polygon (MATIC Coin) คืออะไร? ทำงานร่วมกับ Ethereum ได้อย่างไร?

XLM coin คืออะไร? เหรียญ XLM ดีไหม? คู่แข่งสำคัญของ Ripple

Eos coin คืออะไรและแตกต่างจาก Ethereum ได้อย่างไร?

Litecoin คืออะไร? Litecoin กับ Bitcoin แตกต่างกันอย่างไร?

Cardano (ADA) คืออะไร? อนาคต เหรียญ ADA จะเป็นอย่างไร?

**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน