ตารางการจ่ายหุ้นปันผลปี 2566 – ข้อมูลหุ้นปันผล

เชื่อว่าหลายคนคงเคยคุ้นชินกับคำว่า “หุ้นปันผล” กันมาบ้างแล้ว ในบทความนี้จะมาเจาะลึกข้อมูลของหุ้นปันผลกัน ว่ามีหุ้นปันผลตัวไหนบ้างที่น่าสนใจและน่าเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อจะทำให้การลงทุนของทุกคนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราไปดูในบทความกันได้เลย

ตารางการจ่ายหุ้นปันผลปี 2566

ด้านล่างจะแสดงเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับในปัจจุบันจากบริษัทหลักในโลก เป็นข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 

การดำเนินการที่เราจะได้เห็นด้านล่าง จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ เช่น Apple, Microsoft หรือ Meta Platforms หน่วยงานทางการเงิน เช่น Santander, JP Morgan หรือ PayPal หรือบริษัทด้านความบันเทิง เช่น Carnival Corp, Walt Disney หรือ Netflix

บริษัทชื่อย่อวันที่จ่ายเงินปันผลปันผลครั้งต่อไป
AbbottNYSE01/12/202302/15/2023
ActivisionNASDAQ04/12/2023*05/05/2023*
AdobeNASDAQ
AIGNYSE03/15/2023*03/30/2023*
AlibabaNYSE
AlphabetNASDAQ
AmazonNASDAQ
ManzanaNASDAQ02/10/2023*02/16/2023*
AutodeskNASDAQ
Carnival Corp.NYSE
Coca Cola Co.NYSE03/14/2023*04/03/2023*
IntelNASDAQ02/06/2023*03/01/2023*
J&JNYSE02/17/2023*03/03/2023*
JP MorganNYSE01/05/202305/31/2023
MastercardNYSE01/06/202302/09/2023
Meta PlatformsNASDAQ
MicrosoftNASDAQ02/15/202303/09/2023
NetflixNASDAQ
Nike Inc.NYSE03/03/2023*04/03/2023*
NVIDIANASDAQ03/01/2023*03/23/2023*
PayPal HoldingsNASDAQ
Roblox Corp.NYSE
SantanderBME05/10/2023*05/12/2023*
TeslaNASDAQ
TwitterNASDAQ
VisaNYSE02/16/2023*03/07/2023*
WalmartNYSE03/16/2023*04/03/2023*
Walt disneyNYSE

หุ้นปันผลคืออะไร? ทำงานอย่างไร

หุ้นปันผล เป็นหุ้นประเภทหนึ่งที่นักลงทุนต้องการมีเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน เพื่อหวังที่จะได้เงินปันผลเป็นรายได้เสริมหรือรายได้หลักหลังเกษียณ หรือมีหุ้นปันผลเพื่อลดความเสี่ยงและให้มีอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน โดยปัจจุบันบริษัทนิยมจ่ายเงินปันผล 2 แบบ

  • จ่ายเป็นเงินสด (Cash Dividend) เป็นรูปแบบที่บริษัทนิยมมากที่สุด โดยเงินปันผลนำมาจากกำไรหรือกำไรสะสมของบริษัท โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติ
  • จ่ายเป็นหุ้น (Equity Stock Dividend) ด้วยการเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญแล้วนำมาจ่ายปันผล โดยกำหนดจ่ายเป็นอัตราส่วนที่กำหนด เช่น จ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นปันผลในอัตราส่วน 10:1 หมายความว่า ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับหุ้นปันผล 1 หุ้นทุก ๆ หุ้นเดิมที่ถือจำนวน 10 หุ้น ดังนั้น หากถือหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น จะได้รับหุ้นปันผล 100 หุ้น

สำหรับความแตกต่างระหว่างการจ่ายปันผลเป็นเงินสดกับจ่ายเป็นหุ้น

รับเป็นเงินสด: รายได้และเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีโดยตรง จากนั้นก็นำไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ บริษัทที่เลือกจ่ายปันผลด้วยวิธีนี้ต้องมีกระแสเงินสดเพียงพอด้วย เพื่อนำมาจ่ายปันผล หมายความว่า บริษัทมีการรักษาโครงสร้างทางการเงินให้มีเสถียรภาพสม่ำเสมอ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น ด้านผู้ถือหุ้นมองว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินดี ผลประกอบการแข็งแกร่ง เป็นที่น่าไว้วางใจ

รับปันผลเป็นหุ้น: หุ้นก็จะถูกโอนเข้าพอร์ตลงทุนของนักลงทุนโดยตรง ซึ่งบริษัทจะเก็บเงินสดเอาไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) เตรียมขยายการลงทุน หรือเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น อีกทั้งประเมินว่าในปีถัดไปธุรกิจมีโอกาสฟื้นตัวและผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

  • จ่ายเงินปันผลอย่างไร?

บริษัทจะต้องแจ้งมติคณะกรรมการเกี่ยวกับการจ่ายปันผล และวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับปันผล ทันที คือภายในวันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติหรืออย่างช้าภายในเวลา 9:00 น. ของวันทำการถัดไปผ่านระบบ SETLink 

ข้อมูลสำคัญในมติคณะกรรมการดังกล่าวมีดังนี้ 

1. วันที่คณะกรรมการมีมติให้จ่าย 

2. ข้อเสนอของคณะกรรมการที่จะจ่าย

3. กรณีจ่ายปันผล ให้เปิดเผย (อัตราการจ่าย และจ่ายจากผลการดำเนินงานในงวดใด จำนวนปันผลที่ได้รับยกเว้นภาษีจาก BOI (ถ้ามี))

4. กรณีจ่ายเป็นหุ้นปันผล* ให้เปิดเผยข้อมูลเป็น 2 ส่วน 

– 4.1 หุ้นปันผล: ระบุจำนวนหุ้น อัตราส่วนหุ้นเดิมต่อหุ้นปันผล มูลค่าหุ้นปันผลที่จ่าย

– 4.2 เงินสดเพื่อรองรับภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ตามมาตรา 50(2) (จ) แห่งประมวลรัษฎากร

5. วันจ่ายปันผล 

  • หุ้นปันผลคำนวณอย่างไร?

หุ้นปันผล สามารถคำนวณ Dividend Yield ได้ง่ายๆ โดยนำอัตราเงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่ายมาคูณ 100 แล้วหารด้วยราคาหุ้น ขณะนั้น

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายขึ้น เช่น หุ้น D ประกาศจ่ายเงินปันผล 10 บ./หุ้น และราคาหุ้น ขณะนั้นอยู่ที่ 200 บาท เราก็แค่นำ 10 คูณ 100 หาร 200 ก็จะได้เป็น Dividend Yield ออกมา ที่ 5% นั่นเอง

  • วิธีการจ่ายเงินปันผลหุ้น

ตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า หุ้นปันผล (Stock Dividend) ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ แล้วเงินปันผลตรงส่วนนี้มาจากไหน คำตอบเงินปันผลหุ้นมาจากกำไรของบริษัท ซึ่งกำไรของบริษัทแบ่งเป็น 2 ส่วน นั่นคือ

  • กำไรสุทธิ : เป็นกำไรจากผลประกอบการปีนั้น ๆ ซึ่งได้หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกแล้ว
  • กำไรสะสม : เป็นเงินกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้น โดยถูกเก็บไว้ในบริษัทในรูปแบบเงินสด

สำหรับการจ่ายเงินปันผลหุ้นนั้น ให้ดูที่นโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทดังกล่าวว่า มีข้อกำหนดในการจ่ายเงินปันผลปีละกี่ครั้ง เนื่องจากแต่ละบริษัทมีนโยบายในเรื่องจ่ายเงินปันผลแตกต่างกัน

  • วันที่สำคัญที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับหุ้นปันผล

จะไม่กล่าวถึงเลยก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นวันสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับหุ้นปันผล ก็คือเจ้าเครื่องหมาย XD ตัว x ที่แปลว่า อด ใครซื้อวันขึ้นเครื่องหมาย XD จะอดได้ปันผล ถ้าเราอยากได้เงินปันผลอย่างช้าที่สุดต้องซื้อวันก่อนขึ้นเครื่องหมาย 1 วัน ถ้าใจเย็นมาซื้อหุ้นวันขึ้นเครื่องหมาย XD แสดงว่าเราอดได้เงินปันผลนั่นเอง

  • สมมติว่าหุ้นขึ้นเครื่องหมายวันที่ 10 เราอยากได้ปันผลก็ต้องซื้ออย่างช้า เย็นวันที่ 9 ก่อนตลาดปิด

นอกจากนี้เรายังสามารถดูได้ในปฏิทินหลักทรัพย์ ที่จะประกอบไปด้วยวันสำคัญ ข้อมูลการซื้อขาย ประเภทของสัญลักษณ์แสดงสิทธิประโยชน์ของผู้ซื้อหลักทรัพย์ ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ได้เลย

  • ภาษีเงินปันผลคืออะไร

เครดิตภาษีเงินปันผลเป็นอีกสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นที่สามารถขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรได้ เนื่องมาจากความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บภาษีเงินได้

dividend stock-2

พูดง่ายๆ ก็คือ “เงินปันผล” มาจากกำไรสุทธิของบริษัท แต่กำไรสุทธิได้เสียภาษีไปแล้วครั้งหนึ่งในรูปของภาษีเงินได้นิติบุคคล และเมื่อบริษัทนำกำไรสุทธิมาจ่ายเป็นเงินปันผล นักลงทุนจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 10% ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นการ เสียภาษีซ้ำซ้อนจากกำไรก้อนเดียวกัน ภาครัฐจึงอนุญาตให้นักลงทุนขอเครดิตภาษีเงินปันผลคืนได้บางส่วนนั่นเอง

หุ้นปันผล ขนาดใหญ่เทียบกับหุ้นขนาดเล็ก

TOP 5 แนะนำหุ้นขนาดใหญ่ปันผลสูง ได้แก่:

  • บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) – ADVANC
  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) – SCC
  • บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) – PTTEP
  • บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) – TISCO
  • บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) – EGCO

TOP 5 แนะนำหุ้นขนาดเล็กปันผลสูง ได้แก่:

  • บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) – TFG
  • บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) – DCC
  • บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) – RBF
  • บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) – GC
  • บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) – LH

ตารางแสดงการเปรียบเทียบหุ้นขนาดใหญ่ปันผลสูง  VS หุ้นขนาดเล็กปันผลสูง

dividend stock-1
ข้อมูล ณ วันที่ 26 มกราคม 2566

อย่างไรก็ตาม หุ้นขนาดใหญ่และขนาดเล็กไม่ได้มีความเสี่ยงสูง ๆ เสมอไป ถ้าวิเคราะห์ให้ละเอียด อาจสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างงดงาม การกระจายการลงทุนไปในหุ้นโตเร็วเป็นทางเดียวที่ช่วยให้พอร์ตการลงทุนชนะตลาดได้ ดังนั้น การตัดสินใจจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เพื่อลดความเสี่ยงนะคะ

ข่าวล่าสุด

แนะนำ 3 กลุ่มหุ้นปันผลสูง น่าลงทุนในช่วง1Q66 

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนกำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ภายใต้ความกังวลภาวะถดถอย (Recession) ในหลายประเทศทั่วโลก การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  ที่จะประชุมวันที่ 25 ม.ค.66 และยังอยู่ในช่วงปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรับมือกับการเดินหน้าเก็บภาษีซื้อขายหุ้น

นักลงทุนกำลังเดินทางเข้าสู่ช่วง 1Q66 ภายใต้ความท้าทายจากความกังวล Recession ใน หลายประเทศ การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึง กนง. (25 ม.ค. 65) และยังอยู่ในช่วงปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรับมือกับการเดินหน้าเก็บภาษีซื้อขายหุ้น ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์คลาสิคที่เหมาะสม และมักจะโดดเด่นในช่วงไตรมาสที่ 1 คือ “หุ้นปันผล เด่น” ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังนั้น

  • หุ้นปันผลมีเกราะป้องกันเวลาที่ตลาดผันผวนได้ดี สะท้อนจากสถิติในอดีต ย้อนหลัง10 ปีมีช่วงเวลาที่ SET Index ปรับฐานแรง 11 ครั้ง แต่ SETHD (ตัวแทน หุ้นปันผลสูง) ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าถึง 9 ใน 11 ครั้ง 
  • หุ้นปันผลยิ่งสูงยิ่งมีโอกาสผันผวนต่ำ สะท้อนได้จากการเปรียบเทียบค่า Beta ย้อนหลัง 1 ปี (แกน Y) กับข้อมูล Dividend Yield (แกน X) ของหุ้นทั้งหมดใน ตลาด พบว่า มีทิศทางเอียงลงอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่า ภาพรวมหุ้นที่มี Dividend Yield สูงๆ มักมีค่า Beta ต่ำ หรือมีความผันผวนที่น้อยกว่า
  • หุ้นปันผลมักจะขึ้นได้โดดเด่นในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีเสมอ โดยในปี 2015 – 2022 (ไม่นับค่าผิดปกติ หรือ Outlier ช่วง 1Q20 ช่วงเกิด Covid-19) SETHD ให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วงไตรมาสที่ 1 สูงถึง 8.2% สูงกว่า SET ที่ Outperform เช่นกัน และให้ผลตอบแทนเป็นบวก 5.2%

ฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัดกรองหุ้นปันผลสูง ที่น่าทยอยสะสมได้ตั้งแต่ช่วงท้ายปี 2565 พร้อมกับคาดหวังผลตอบแทนได้ทั้งในระยะ 3 เดือนข้างหน้า หรือในระยะยาว โดยผ่าน 2 เงื่อนไข ประกอบด้วย

  • เป็นหุ้นที่มี Dividend Yield65F มากกว่า 3% ต่อปี
  • เป็นหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ และมี Upside มากกว่า 0%

โดยแบ่งหุ้นปันผลสูงออกเป็น 3 กลุ่ม  ได้แก่

1. หุ้นปันผลสูง จ่ายปีละครั้ง ชอบ TISCO AP ASK NOBLE

2. หุ้นปันผลสูง ผันผวนต่ำ ชอบ QH DCC TTW EGCO

3. หุ้นปันผลสูง มี ESG Score สูง ชอบ SCB PTT ADVANC

ข้อมูลจาก:https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/187555

https://th.investing.com/analysis/article-200442889

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ้นปันผล

  • ลักษณะของหุ้นที่ปันผลเป็นจำนวนมาก

Dividend Yield ยิ่งมีค่าสูงก็ยิ่งดี เพราะแปลว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลได้มาก ยกตัวอย่างเช่น บริษัท D จ่ายเงินปันผลในรอบปีที่ผ่านมาหุ้นละ 2.50 บาท และราคาตลาดของหุ้นในขณะนั้นเท่ากับ 50 บาท ดังนั้น จะได้ค่า Dividend Yield =2.50/50 = 5% หรือจะได้ค่า Dividend Yield เท่ากับ 5 เปอร์เซ็นต์ (หักภาษี ณ ที่จ่าย)

  • ตัวอย่างของหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูง

หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง มีอยู่จริงในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ยังไม่สามารถฟื้นกลับไปสู่ช่วงก่อนโควิดได้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ก็จะยิ่งสูงเป็นพิเศษ เราสามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีละประมาณ 3 – 6% จากหุ้นไทยได้หลายกลุ่มเพื่อบริหารความเสี่ยงได้ 

ขอยกตัวอย่างธุรกิจ 4 กลุ่ม ให้ผลตอบแทนสูงและเหมาะกับการลงทุนหุ้นปันผล

1. กลุ่มธนาคาร 

ผลประกอบการจะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจของประเทศหดตัวย่ำแย่ หุ้นธนาคารก็มักจะแย่ด้วย แต่ถ้าเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้ดี หุ้นธนาคารก็มักจะดีด้วย หุ้นธนาคารไทยจัดเป็นหุ้น Big Cap เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจไทย มีความแข็งแกร่ง และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยธนาคาร

2. หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า 

หนึ่งในหุ้นสาธารณูปโภคที่ได้รับความนิยมลงทุนมากที่สุดเลย เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผู้คนก็จะต้องใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เช่น หน้าร้อนต้องเปิดแอร์ หน้าหนาวต้องทำความร้อน ดังนั้น มักจะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ

3. หุ้นสื่อสาร 

หุ้นสื่อสารผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นกลุ่มที่น่าสนใจในเชิงลงทุนอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะเป็นกิจการขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ความต้องการบริการสื่อสารโทรคมนาคมยังคงมีอยู่ต่อไป และบริการที่ทุกคนต้องใช้ ทำให้ธุรกิจสร้างรายได้และกำไรได้

4. หุ้นกลุ่ม REIT และ IFF

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) และลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund : IFF) กอง REIT เป็นกองทุนที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูง รายได้ของกองทุนจะมาจากการ เก็บค่าเช่าในอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุน เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน สถานที่จัดแสดงสินค้า หรือพวกนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีผลตอบแทนสม่ำเสมอ จึงช่วยลดหรือกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุนได้

  •  ทำไมบริษัทถึงออกหุ้นปันผล?
    • – เก็บเงินสดไว้ลงทุนและขยายธุรกิจ โดยไม่ต้องจัดหาเงินทุนจาก แหล่งเงินทุนภายนอก ซึ่งอาจมีต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่า 
    • – ไม่เสียสภาพคล่องทางการเงิน 
    • – สัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ไม่เปลี่ยนแปลง 
    • – เพิ่มสภาพคล่องของหุ้นจากจำนวนหุ้นหมุนเวียนที่มีมากขึ้น ส่งผลต่อ การระดมทุนในอนาคต
    • – รักษาความน่าสนใจในการลงทุนจากการที่บริษัทยังคงมีการจ่ายปันผล
  • หุ้นปันผลดีหรือไม่ดี?

การจ่ายเงินปันผลมีข้อดีอยู่นะ สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับนักลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากนักลงทุนมีหุ้นที่จ่ายปันผลบ่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้กระแสเงินสดของนักลงทุน มีความผ่อนคลายมากขึ้นตามไปด้วย สามารถลงทุนในระยะยาวได้ ขณะที่ มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ สะท้อนจากสถิติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

  • ผลตอบแทนหุ้นปันผลที่ดีคืออะไร?

เป็นการจ่ายผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดคืนให้กับผู้ถือหุ้นปันผล ในรูปของเงินปันผล เพื่อเป็นการสร้างกระแสเงินสดให้กับนักลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น

สรุป

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นปันผลก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจดี แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง คือ เงินปันผลที่มาจากผลการดำเนินงานในอดีต และอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงอนาคตว่าจะมีความเป็นไปอย่างไร หากนักลงทุนใช้แค่ตัวเลขทางสถิติ เช่น อัตราการจ่ายเงินปันผลในอดีต แล้วเข้ามาลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผล ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ไว้

ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนควรทำ คือ การศึกษาธุรกิจหรือหุ้นที่เราต้องการลงทุน ประเมินแนวโน้มความสามารถในการสร้างผลกำไรในอนาคต ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่สุดแล้วที่จะบอกได้ว่าบริษัทนั้นมีโอกาสจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าเลือกได้ดีก็สามารถลงทุนได้ยาว ๆ เติบโตต่อได้แน่ ๆ และสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจก็สามารถถือหุ้นต่อได้ แต่ถ้าพบว่าไม่ ก็ควรจะตัดใจขายหุ้นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

รับฟรีทันที! เงินเสมือนจริง $50,000 เพื่อฝึกฝนการเทรดกับ Mitrade!