กราฟแท่งเทียนอ่านยังไง ? 14 รูปแบบกราฟแท่งเทียน Forex

เมื่อพูดถึง กราฟแท่งเทียนเรามักจะเห็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ดูกันอยู่บ่อย ๆ ในการเคลื่อนไหวของกราฟราคาที่ได้รับความนิยมมาที่สุดในปัจจุบัน หลาย ๆ คนอาจจะยังงง ๆ ในการอ่านกราฟแท่งเทียน การใช้งานหรืออาจจะพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก? ในบทความนี้มีคำตอบให้เรา
Table of Contents
กราฟแท่งเทียนคืออะไร?
กราฟแท่งเทียน หรือ Candlestick Chart เป็นกราฟราคาที่แสดงผลของราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าผู้เทรด Forex จะเลือกกำหนดช่วงเวลาของการเทรดแบบไหน เช่น รายนาที ราย 5 นาที ราย 15 นาที 30 นาที 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง 1 วัน เป็นต้น ซึ่งเวลาจะเป็นตัวกำหนดความยาวของกราฟแท่งเทียนหนึ่งแท่ง และแสดงให้เห็นทั้งราคาเปิด ราคาปิด จุดต่ำสุด จุดสูงสุด เรียกว่า กราฟประเภทนี้แสดงผลได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเป็นรูปแบบของกราฟราคาที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์มากที่สุดในปัจจุบัน
แท่งเทียนถูกสร้างขึ้นโดยใช้การผันผวนของราคาเป็นแหล่งอ้างอิง ซึ่งในบางครั้งอาจจะมองว่ากราฟเหล่านี้ถูกสุ่มขึ้นมา แต่ในบางครั้งก็จะมีลักษณะของราคาขึ้นลงตาม Pattern ที่กำหนดมาซ้ำ ๆ กัน จึงมีการวิเคราะห์สร้างเป็นรูปแบบกราฟและตั้งชื่อรียกเป็น Pattern ของกราฟแบบต่าง ๆ โดยจะแยกออกเป็นกราฟประเภท Bullish และกราฟประเภท Bearish ตัวกราฟ Bullish จะบ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในขณะที่ กราฟ Bearish บ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง
- หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนสีขาว (Bullish) จะปรากฏ หากเราเห็นแท่งเทียนสีขาวแท่งยาว นั่นแสดงถึงแรงซื้อที่มากกว่าแรงขายอย่างชัดเจน
- หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนสีดำ (Bearish) จะปรากฎ หากเราเห็นแท่งเทียนสีดำแท่งยาว นั่นแสดงถึงแรงขายที่มากกว่าแรงซื้ออย่างชัดเจน
และกราฟแท่งเทียนสามารถบอกข้อมูลได้มากกว่าความเปลี่ยนแปลงด้านราคาในแต่ละช่วงเวลา โดยเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะสังเกตจากรูปแบบต่าง ๆ ของแท่งเทียน เพื่อใช้เป็นตัววัดทัศนคติในตลาดและคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดในอนาคต
ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียนมีอะไรบ้าง ?

- ราคาปิด สูงกว่า ราคาเปิด แท่งเทียน สีเขียว
- ราคาปิด ต่ำกว่า ราคาเปิด แท่งเทียน สีแดง
กราฟแท่งเทียน จุดซื้อขาย
ราคาเปิด (Open Price) เป็นราคาซื้อขายแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดใน Time frame ด้านบนหรือด้านล่างของแท่งเทียนจะระบุราคาเปิดขึ้นอยู่กับว่าสินทรัพย์เคลื่อนไหวสูงขึ้นหรือต่ำลงในช่วงเวลาห้านาที เป็นราคาซื้อขายแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด
ราคาสูงสุด (High Price) การเคลื่อนไหวของราคาคู่เงิน ระดับราคาสูงสุดในวันทำการ ราคาที่สูงในช่วงแท่งเทียนจะแสดงโดยด้านบนของเงาหรือหางที่อยู่เหนือร่างกาย หากราคาเปิดหรือปิดเป็นราคาสูงสุดจะไม่มีเงาด้านบน
ราคาต่ำสุด (Low Price) การเคลื่อนไหวของราคาคู่เงิน ระดับราคาต่ำสุดในวันทำการ ราคาต่ำจะแสดงโดยด้านล่างของเงาหรือหางด้านล่างของร่างกาย หากราคาเปิดหรือปิดเป็นราคาต่ำสุดจะไม่มีเงาที่ต่ำกว่า 3
ราคาปิด (Close Price) เป็นราคาสุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายสิ้นสุดใน Time Frame ราคาปิดคือราคาสุดท้ายที่ซื้อขายระหว่างแท่งเทียนซึ่งระบุด้วยด้านบน สำหรับแท่งเทียนสีเขียว หรือด้านล่าง สำหรับแท่งเทียนสีแดง เมื่อระยะเวลาของแท่งเทียนสิ้นสุดลงราคาสุดท้ายคือราคาปิดแท่งเทียนจะเสร็จสมบูรณ์และแท่งเทียนใหม่จะเริ่มก่อตัวขึ้น
กราฟแท่งเทียน จุดซื้อขาย
โดยการใช้แนวรับ และแนวต้าน
แนวรับ คือ ระดับราคาหุ้นที่มีคนต้องการซื้อ แนวรับ (Support) หมายถึงราคาต่ำสุดของราคาที่เป็นไปได้และคาดว่าจะเป็นราคาที่คนต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้มีแนวโน้มที่ราคาจากที่ปรับตัวลง จะกลับตัวเพิ่มสูงขึ้น
แนวต้าน คือ ระดับของราคาหุ้นที่มีคนต้องการขาย แนวต้าน (Resistance) เป็นราคาสูงสุดที่เป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะสามารถทำได้ ซึ่งนักลงทุนมองว่ากราฟราคาของหุ้นตัวนี้จะไม่สูงไปกว่าจากเดิมได้ ซึ่งหากราคาหุ้นขึ้นไปถึงแนวต้าน ก็มีแนวโน้มที่หุ้นจะกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลงได้
14 รูปแบบกราฟแท่งเทียนที่ใช้บ่อยในการเทรด Forex
สำหรับในตลาด Forex นั้นนักเทรดสามารถเลือก Time Frame ที่เหมาะกับกลยุทธการเทรดได้ตามความเหมาะสม กราฟแท่งเทียนจะโชว์ผลของราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเวลาจะเป็นตัวกำหนดความยาวของกราฟแท่งเทียนและรูปทรง ในตลาดหุ้นที่ราคามีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รูปของแท่งเทียนที่สามารถเกิดขึ้นจึงมีมากมายหลายรูปแบบ ถ้าจะให้จำรูปแบบของแท่งเทียนให้ครบทุกรูปแบบที่มี เราได้ยกตัวอย่างรูปแบบที่ใช้บ่อยในการเทรด Forex มาให้ ดังนี้
รูปแบบแท่งเทียน Bearish มักจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นและส่งสัญญาณถึงจุดต้าน เกี่ยวกับราคาตลาดมักทำให้ผู้ค้าปิดสถานะ Long และเปิดสถานะ Short เพื่อใช้ประโยชน์จากราคาที่ตกลงมา ได้แก่ |
Hanging Man
คือ รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นใกล้จังหวะสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น
ลักษณะ : แท่งเทียนจะมีหาง (Lower Shadow) ยาวเป็น 2 เท่าของตัวแท่งที่เกิดในแนวโน้มขาขึ้น
แนวโน้ม : เกิดจากแรงขายที่เข้ามามากกว่าปกติ และฝั่งซื้อเริ่มน้อยลง จะบ่งบอกถึงโอกาสกลับตัวเป็นขาลง

Shooting Star
คือ รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นใกล้จังหวะสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น
ลักษณะ : เป็นกราฟแท่งเทียนที่มีรูปแบบคล้ายดาวตก Body สั้น และมีหางด้านบน โดยเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มเทรดขาขึ้น
แนวโน้ม : โอกาสกลับตัวจากเทรนขาขึ้นเป็นขาลง อธิบายได้ว่าแรงกำลังการซื้อพยายามดันราคาให้ขึ้นไปต่อ แต่มีแรงขายเข้ามามากจนกดดันราคาลงมาให้ปิดต่ำซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนทิศทาง

Bearish Engulfing
คือ สัญญาณทางเทคนิค ที่ส่งสัญญาณบอกการกลับตัวของราคาเป็นขาลง ซึ่งเกิดในสภาวะตลาดขาขึ้น
ลักษณะ : เป็นกราฟแท่งแรกสีเขียวจะเล็กกว่าแท่งที่สอง เป็นรูปแบบการกลับตัวมักเกิดในสภาวะตลาดขาขึ้น
แนวโน้ม : หุ้นมีแนวโน้วที่จะเป็นขาลงปิดต่ำ เนื่องจากกราฟแท่งที่สองมีแรงซื้อที่ต่ำ

Dark Cloud Cover
คือ เป็นรูปแบบผวนกลับที่ต่ำลง ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นหลังจากมีแนวโน้มขาขึ้น
ลักษณะ : ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งแรกสีเขียวยาวปิดสูง แท่งที่สองราคาเปิด Gap แต่ไม่สามารถได้ราคาลงมาปิดต่ำเกิน 50% รูปแบบการกลับตัวมักเกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาขึ้น
แนวโน้ม : จะมีแรงขายเข้ามาในวันที่สอง คือถ้าแรงซื้อถดถอยก็อาจเปลี่ยนเป้นขาลงได้

Three Black Crows
คือ เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มขาลงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยปกติจะแสดงขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น
ลักษณะ : ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดงยาวติดต่อกัน 3 แท่ง โดยจะเป็นจุดเริ่มต้นของขาลงในฐานะผู้ขาย
แนวโน้ม : จะเป็นการเปิดราคาใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าแต่จะค่อย ๆ ลดลงตามกาลเวลา จะตีความได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของขาลง
เนื่องจากผู้ขายแซงหน้าผู้ซื้อในช่วงสามวันทำการซื้อขายต่อเนื่องกัน

Evening Star
คือ แท่งเทียนขาลง 3 แท่งซึ่งเกิดขึ้นหลังจากแท่งเทียนก่อนหน้านั้นเป็นขาขึ้น (Uptrend) โดยเมื่อรูปแบบ Evening Star ปรากฎขึ้น มักใช้เพื่อค้นหาจุดสูงสุดของแนวโน้มตลาด
ลักษณะ : เป็นรูปแท่งเทียนสั้น ๆ คั่นกลางระหว่างแท่งเทียนสีเขียวยาวและแท่งเทียนสีแดง จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขาลง
แนวโน้ม : จะบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงเพื่อลดกำไรก่อนหน้านี้

Bearish Doji
คือ เป็นสัญญาณที่บอกถึงว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่ตลาดขาลง ส่วนมากจะเกิดใกล้จุดสูงสุดของตลาดขาขึ้น แสดงให้เห็นถึงความลังเลของตลาดว่าราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ควรหาจุดขาย
ลักษณะ : ประกอบด้วยเทียน 2 แท่ง โดยเป็นรูปแบบการกลับตัวระยะสั้นจากขึ้นเป็นลง
แนวโน้ม : ฝ่ายซื้ออาจไม่ได้มีนัยยะจริงและอาจมีแรงขายที่ซ่อนอยู่ดูได้จากราคาวันถัดไปที่ไม่สามารถไปต่อได้ มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นลงในวันถัดไป

รูปแบบของแท่งเทียนแบบ Bullishเป็นการก่อตัวขึ้นหลังจากตลาดขาลง และส่งสัญญาณการกลับตัวของการเคลื่อนไหวของราคา เป็นตัวบ่งชี้สำหรับผู้ค้าในการพิจารณาเปิดสถานะระยะยาวเพื่อทำกำไรจากทิศทางขาขึ้น ได้แก่ |
Hammer
คือ แสดงถึงจุดกลับตัวหลังจากที่หุ้นลงมาพอสมควร บ่งบอกว่ามีแรงซื้อกลับค่อนข้างมาก ทำให้หุ้นปิด ณ ราคาจุดสูงสุด หรือเกือบจะสูงสุด
ลักษณะ : กราฟแท่งเทียนที่รูปแบบคล้ายค้อนจะเป็นรูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
แนวโน้ม : การเกิด Hammer บ่งบอกถึงแรงขายในช่วงแรกที่มีการซื้อกลับมาอย่างมากในระหว่างวัน ทำให้มีโอกาสการกลับตัวเป็นขาขึ้น

Invert Hammer
คือ รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
ลักษณะ : กราฟแท่งเทียนที่รูปแบบคล้ายค้อนจะเป็นรูปแบบการกลับหัวค้อนลง Body สั้น แต่มีหางด้านบน มีราคาปิดต่ำ เกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง
แนวโน้ม : บ่งบอกถึงการที่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา อาจมีแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น

Bullish Engulfing
คือ บ่งบอกว่ามีแรงซื้อเข้ามาและเหนือกว่าแรงขายมาก ทำให้กราฟเทียนพุ่งขึ้นอย่างโดดเด่น
ลักษณะ : ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งแรกสีแดง Body แท่งสองราคาเปิด Gap ลง กลับขึ้นมาปิดสูงกว่า
แนวโน้ม : ราคาของวันที่สอง ถึงมีการเปิดที่ต่ำมาก แต่หุ้นมีแนวโน้มที่จะเป็นขาขึ้น เนื่องขากมีแรงซื้อเพิ่มเข้ามาเป็นอย่างมาก

Piercing Pattern
คือ เป็นกราฟที่เกิดขึ้นในเทรนด์ขาลง สามารถพบเห็นได้บ่อย ในการเทรด Forex หรือหุ้น เพราะเป็นรูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นได้ง่าย
ลักษณะ : ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งแรกสีแดงยาวปิดต่ำ แท่งที่สองราคาเปิด Gap ลง แต่สามารถขึ้นมาเปิดสูงเกิน 50% โดยรูปแบบการกลับตัวมักเกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
แนวโน้ม : มีแรงซื้อเข้ามามาก จึงไม่สามารถดันราคาต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสเปลี่ยนแนวโน้ม

Morning Star
คือ ใช้ดูการกลับตัวของราคา เพื่อหาจุดเข้าซื้อ และบ่งบอกว่าตลาดหุ้นจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขึ้น
ลักษณะ : เป็นรูปแบบสามแท่ง เทียนสั้นแท่งหนึ่งอยู่ระหว่างสีแดงยาวและสีเขียวยาว จะเป็นสัญญาณแห่งความหวังในตลาดขาลง
แนวโน้ม : มีโอกาสเป็นจุดที่ราคาจะกลับตัวมาเพิ่มสูงขึ้น

Three White Soldiers
คือ จะพบได้ในช่วงแนวโน้มขาลง เพื่อให้สัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นโดยรูปแบบนี้จะแสดงถึงจุดเปลี่ยนของแนวโน้มในตลาดทุก ๆ ช่วงของการเปิดต่ำที่น้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา แต่ปิดในช่วงสูงสุด
ลักษณะ : เป็นรูปแบบขาขึ้นในสถานการณ์ขาลงที่มีความยาวเรียงติดต่อกัน 3 แท่ง
แนวโน้ม : เป็นสัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจาดแนวโน้มขาลง จะแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันในการซื้อล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง

Bullish Doji
คือ เป็นสัญญาณที่บอกถึงว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่ตลาดขาขึ้น ส่วนมากจะเกิดใกล้จุดต่ำสุดของตลาดขาลง แสดงให้เห็นถึงความลังเลของตลาดว่าราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและใกล้กลับตัวเป็นขาขึ้น ควรหาจุดเข้าซื้อ
ลักษณะ : ประกอบด้วยเทียน 2 แท่ง โดยเป็นรูปแบบการกลับตัวระยะสั้นจากลงเป็นขึ้น
แนวโน้ม : แรงขายที่มีมากในวันแรกเริ่มอ่อนตัวลง มีแรงซื้อเข้ามาวันที่สองทำให้ราคาเกิดความสมดุลใหม่และอาจเปลี่ยนทิศทาง

ทั้งหมดนี้เป็นแบบกราฟแท่งเทียนที่นักลงทุนนิยมนำไปใช้ เราจำเป็นที่จะต้องศึกษาความหมายของรูปแบบแท่งเทียนแต่ละแบบให้ดี เพื่อที่เราจะสามารถอ่านทิศทางของตลาดออกว่าคนในตลาดเทรนเป็นอย่างไร อีกทั้งยังช่วยให้เรารู้แนวโน้มของราคาได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แท่งเทียนสามารถช่วยเราในการตัดสินใจได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น และนอกจากนี้รูปแบบของแท่งเทียนยังมีอีกมากมายให้ได้ศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติม
เมื่อไรนำรูปแบบแท่งเทียนไปใช้งาน
เมื่อต้องการใช้เทคนิคในการดูหุ้นแนวโน้ม จุดซื้อจุดขาย แนวรับ แนวต้านใน จุด Week อยู่ตรงไหน ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลจะสามารถตัดสินใจลงมืออย่างไร เพื่อให้ได้โอกาสในการได้กำไรจากการเทรดมากกว่าโอกาสขาดทุน
นักลงทุนสายเทคนิค ล้วนเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ เช่น แนวโน้มธุรกิจของบริษัท ผลการดำเนินการรวมถึงข่าวสารของบริษัทได้สะท้อนไปในราคาหุ้นปัจจุบันทั้งหมดแล้ว ดังนั้นราคาหุ้นที่ลดลง นักลงทุนสายเทคนิคจะไม่มานั่งหาเหตุผล เพราะทั้งหมดมันได้สะท้อนไปที่กราฟหรือราคาหุ้นเรียบร้อยแล้ว
สรุป
- แท่งเทียนสีเขียวต่อเนื่อง แสดงถึงกราฟกำลังเป็นขาขึ้น
- แท่งเทียนสีแดงต่อเนื่อง แสดงถึงกราฟกำลังเป็นขาลง
- แท่งเทียนที่มีเนื้อเทียนสั้นแหละมีหางทั้งด้านบนและด้านล่างแสดงถึงกราฟไม่ได้เลือกทิศทาง
นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมนำกราฟแท่งเทียน (Candlesticks) มาวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค เพื่อช่วยในการตัดสินใจราคาในอนาคตให้แม่นยำยิ่งขึ้นนั่นเอง เนื่องจากกราฟแท่งเทียนสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการกลับตัวได้แล้ว กราฟแท่งเทียนจะแสดงถึงข้อมูลมากกว่ากราฟทั่วไปอีกด้วย ที่จะสามารถก่อตัวรูปแบบเฉพาะตัวต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งกราฟเลย โดยสัญญาณแท่งเทียนจะเป็นกลยุทธ์ตัวเสริมความมั่นใจในการแปลงความหมายรูปร่างของแท่งเทียน ที่จะบ่งบอกถึงแรงซื้อ แรงขาย เพื่อดูว่าแรงซื้อและแรงขายมีความรีบร้อนในการซื้อหรือขายหุ้นหรือไม่ และเพื่อให้นักลงทุนได้จังหวะซื้อขายที่ดียิ่งขึ้นค่ะ
แท่งเทียนจะไม่ได้สะท้อนถึงลำดับของเหตุการณ์ระหว่างราคาเปิดและปิดนะ และไม่สามารถบอกเราได้ว่าราคาสูงสุดหรือต่ำสุดมาก่อน จะแสดงได้เฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างราคาเปิดและปิดเท่านั้น
การอ่านความเคลื่อนไหวของตลาดให้ถูกต้องแม่นยำนั้นจะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทอื่น ๆ ร่วมด้วยนะคะ ซึ่งการจับสังเกตแนวโน้มและรูปแบบต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายควรศึกษาและฝึกการใช้งานอยู่บ่อย ๆ เพื่อลดการลงทุนผิดจังหวะน้อยลงนั่นเองค่ะ
เมื่อเราเข้าใจเกี่ยวกับกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex แล้ว ก็สามารถเปิดบัญชีลงมือเทรดได้แล้ว!!
เราขอแนะนำโบรกเกอร์ MiTrade เนื่องจาก MiTrade น่าเชื่อถือและน่าลงทุนมาก ๆ สำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร อีกทั้งยังได้รับการกำกับดูแลโดย Cayman Islands Monetary Authority (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446 อีกทั้งยังได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย และแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ควบคุมโดยสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรพย์และการลงทุนออสเตรเลีย (ASIC)

การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ MiTrade ทำได้ง่าย สะดวกรวดเร็วมากค่ะ เพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที ก็สามารถเทรดบนแพลตฟอร์มเว็บเทรดของ MiTrade ได้แล้ว สามารถเลือกสกุลเงิน (Forex), คริปโตเคอร์เรนซี ดัชนีและสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ต้องการเทรดได้เลย
โบรกเกอร์ MiTrade ไม่เพียงแต่จะเป็นกระดานเทรดเท่านั้นนะคะ ยังมีอินดิเคเตอร์ (Indicator) เชิงเทคนิคที่ดีที่สุด เพื่อช่วยระบุจังหวะในการเปิดและปิด Position ต่าง ๆ สำหรับการเทรดด้วยกลยุทธ์ให้เลือกอีกมายมายอีกด้วย
หากนักลงทุนสนใจเรียนรู้การเทรดแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มีเงินทุนไม่เพียงพอหรือไม่คุ้นเคยกับระบบ ไม่ต้องเป็นกังวลใจไปค่ะ นักลงทุนสามารถลองใช้บัญชีทดลองของ MiTrade เพื่อฝึกฝนการเทรดเงินเสมือนจริงฟรี $50,000 สามารถสมัครใช้ง่านได้ง่าย ๆ ผ่านทางหน้าเว็ปไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อทดลองเทรดและทำคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มของ MiTrade โดยที่ไม่มีความเสี่ยง
รับฟรีทันที! เงินเสมือนจริง $50,000
บัญชีเทรดทดลองมีฟังก์ชันมากมาย เหมือนเราได้เทรดบัญชีเทรดจริงเลย เช่น เมนูเทรด ข้อมูล และระบบการดำเนินการต่าง ๆ นอกจากนี้บัญชีเทรดทดลองยังมีเงินจำนวน USD50,000 โดยไม่จำเป็นต้องฝากเงินเข้าบัญชีเทรดทดลอง เพื่อให้นักลงทุนได้ทำการทดลอง เทรดก่อนจะเริ่มใช้งานบัญชีเทรดจริงนั่นเอง
การลงทุนใด ๆ ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลปัจจุบันและการคาดการณ์ในอนาคต ติดตามข่าวสาร สถานการณ์ต่าง ๆ และวิธีการทำกำไรสำหรับการเทรดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เงินทุนติดลบนะคะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุน เพื่อให้เข้าใจในแพลตฟอร์มของ MiTrade ได้ดีขึ้น การเรียนรู้ใด ๆ เริ่มต้นจากการลงมือปฏิบัติจริงนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม>>>
ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร และมี วิธีการทํา กําไร อย่างไร?
MiTrade คืออะไร? เป็นแพลตฟอร์มหลอกลวงหรือไม่?
เข้าใจตัวเองก่อนเทรด.. คุณเป็นเทรดเดอร์สไตล์ไหนกันนะ ???
วิธีการวิเคราะห์กราฟ Forex(ฟอเร็กซ์)สำหรับมือใหม่
เวลาตลาด forex | เทียบกับประเทศไทย
indicator forex ที่แม่นยําที่สุด ในตลาด forex
เทรด forex โบรกไหนดี? 10 โบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุด 2022
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น