วิธีดูกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ วิเคราะห์กราฟหุ้นยังไง?

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ลงทุนในหุ้น วิธีการวิเคราะห์ดูกราฟมาฝากนักลงทุนทุกคนที่สายเทคนิคนิยมใช้กัน ปัญหาที่นักลงทุนพบเจอกันบ่อยมักเกิดจากการเข้าลงทุนผิดจังหวะ ซื้อขายหุ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม กราฟหุ้น จึงเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับนักลงทุน ไปดูบทความกันเลย

กราฟหุ้น คืออะไร?

กราฟหุ้น หรือเรียกอีกอย่างว่า กราฟราคา คือ การนำข้อมูลราคาหุ้นมาวาดเป็นกราฟเรียงต่อกัน  กราฟหุ้นจะให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นภายในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) โดยนำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ-ขาย ประเภทของกราฟราคาหุ้นที่นักลงทุนนิยมใช้งาน หรือพบเห็นบ่อย ๆ ในตลาดหุ้นจะเป็น กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart)

กราฟหุ้น จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสามารถจับจังหวะซื้อขาย หรือเป็นการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

องค์ประกอบของกราฟหุ้นที่ควรศึกษา

เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ในกราฟหุ้น เทรดเดอร์จะต้องเรียนรู้องค์ประกอบพื้นฐานของกราฟ ซึ่งได้แก่

  • ราคาและปริมาณการซื้อขาย (Price และ Volume)
  • กราฟราคา (Stock Chart) และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
  • เส้น Relative Strength Index (RSI)

กราฟหุ้นที่นักลงทุนนิยมใช้วิเคราะห์หุ้นมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน คือ

  • กราฟแบบแท่ง (Bar Chart) มีลักษณะเป็นเส้น เป็นอีกประเภทของกราฟที่ใช้แสดงราคา เช่น ราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด สามารถบอกรายละเอียดของราคาผ่านแท่ง Bar Chart ได้ครบทั้งหมด โดยราคาเปิดนั้นจะแสดงออกมาเป็นขีดออกมาทางด้านซ้าย ส่วนราคาปิดจะแสดงออกมาเป็นขีดออกมาทางด้านขวา 
  • กราฟแบบเส้น (Line Chart) เป็นกราฟอีกรูปแบบหนึ่งที่มีติดมาให้ในแพลตฟอร์มสำหรับเทรด Forex อย่างเช่น MT4 , MT5 แต่เนื่องจากกราฟ Line chart เป็นรูปแบบกราฟที่บอกรายละเอียดได้ไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังใช้มองแนวโน้มของราคาในทางเทคนิคได้ค่อนข้างน้อย จึงเป็นที่ไม่ค่อยนิยมการใช้งาน
  • กราฟแบบจุด (Point and Figure) เป็นการพิจารณาเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น โดยไม่สนการเปลี่ยนแปลงของเวลาแต่จะดูแนวโน้มได้เป็นอย่างดี Point and figure จะค่อนข้างแตกต่างจากกราฟทั่วไป โดยจะปรากฏอักษร X และ O บนกราฟที่แสดงถึงทิศทางการขึ้นลงของราคา สามารถดูพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อหาจุดเข้าและจุดออกได้เป็นอย่างดี
  • กราฟแบบแท่งเทียน (Candlesticks) คือ กราฟชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อดูความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ กราฟแท่งเทียนเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis) เพราะสามารถบอกรายละเอียดของข้อมูลราคาได้มากกว่ากราฟแบบ Line chart และหนึ่งแท่งเทียนประกอบไปด้วยข้อมูล 4 อย่างคือ ราคาเปิด, ราคาปิด, ราคาสูงสุด, และราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือแนวโน้มขาลง

การดูแนวโน้มขาขึ้นตามหลักพื้นฐานของ Technical Analysis คือ เมื่อราคาทำ Higher High (HH) และ Higher Low (HL) จะเป็นช่วงแนวโน้มขาขึ้น

how-to-read-stock-chart-for-benginner
แหล่งที่มา https://www.moneybuffalo.in.th/

การดูแนวโน้มขาลงจะใช้วิธีคล้าย ๆ กับขาขึ้น โดยดูจากเมื่อราคาทำ Lower High (LH) และ Lower Low (LL) จะเป็นช่วงแนวโน้มขาลง

how-to-read-stock-chart-for-benginner
แหล่งที่มา https://www.moneybuffalo.in.th/

แนวรับ แนวต้าน คือ อะไร?

ความหมายของแนวรับและแนวต้าน แนวรับคือ เมื่อราคาหุ้นหรือค่าเงินปรับตัวลดลงในระดับหนึ่งจนเกิดแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้อ ซึ่งเวลาตรงจุดนี้ทำให้อุปสงค์มากกว่าอุปทาน ส่งผลให้ราคาหุ้นหรือค่าเงินนั้นปรับตัวสูงขึ้น ส่วนราคาของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในระดับต่ำสุดนั้น เราจะเรียกว่าแนวรับ หรือ Support แนวต้าน คือ เมื่อราคาหุ้นหรือค่าเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งจนเกิดแรงจูงใจให้นักลงทุนขาย ซึ่งเวลาตรงจุดนี้เองทำให้มี อุปสงค์น้อยกว่าอุปทาน ส่งผลให้ราคาหุ้นหรือค่าเงินนั้นปรับตัวลดลง ส่วนราคาของหุ้นหรือค่าเงินที่อยู่ในระดับเพิ่มขึ้นสูงสุดนั้นเราจะเรียกแนวต้าน หรือ Resistance

แนวรับ คือ เป็นระดับราคาที่มักจะมีแรงซื้อสวนกลับเข้ามาเนื่องจากจะมีนักลงทุนจำนวนหนึ่ง พลาดการเข้าซื้อครั้งก่อนหน้า หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเป็นราคาหุ้นที่มีคนต้องการซื้อ

แนวต้าน คือ เป็นระดับราคาที่มักจะมีแรงขายเทลงมาเนื่องจากเป็นระดับราคาที่นักลงทุนพลาดขายไม่ได้ก่อนหน้านั้น หรือเรียกสั้น ๆ ว่าต้องการขาย

วิเคราะห์กราฟหุ้น ด้วย Indicators

Indicators คือ เครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์สภาพตลาดด้านราคาในการเทรด แนวโน้มตลาดด้วยเงื่อนไข, สูตรการคำนวณต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และแบ่งออกเป็นหลายประเภท จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยบอกข้อมูลสำหรับการเทรดหรือบอกแนวโน้มของกราฟแท่งเทียน จะเป็นการช่วยวิเคราะห์ทิศทางของราคาในอนาคตว่าจะไปในทิศทางไหน และยังสามารถบอกถึงจุดที่จะเปิดคำสั่งซื้อขายได้

ประโยชน์ของ Indicator

1. ช่วยในการประเมินแนวโน้มตลาดสภาวะต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเทรด โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ จากกราฟ
2. ช่วยในการหาจังหวะเข้าซื้อขายที่ได้เปรียบ มันจะช่วยบอกจุดที่จะต้องเปิดคำสั่งซื้อ-ขายได้ ตามเงื่อนไขของเครื่องมือ
3. ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเทรด Indicator จะช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

MA (Moving Average) เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

ซึ่งเป็น Indicators ที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุดและถูกนำไปใช้งานเพื่อช่วยตัดสินใจซื้อขายหุ้นอย่างแพร่หลาย Moving Average เป็น Indicators ช่วยประกอบการตัดสินใจ เพราะสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย และให้มุมมองที่เป็นโยชน์ในการเทรด  Moving Average เป็นสุดยอด Indicators ที่จะต้องมีไว้อยู่ในกราฟเวลาวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคตลอดเวลาโดยเส้น MA นี้จะใช้งานได้ดีกับหุ้นที่หนุนด้วยแรงซื้อปริมาณมาก ๆ จากองค์กรหรือนักลงทุนรายใหญ่ จึงมีผลทำให้ราคาหุ้นนั้นดิ่งลงหรือพุ่งขึ้นได้ตามที่พวกเขาต้องการ

เส้นค่าเฉลี่ยที่นิยมใช้กันจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA)

1. การคำนวณเส้นแบบ SMA เป็นการคำนวณค่าแบบตรงไปตรงมา เอาราคาในอดีตมาหาค่าเฉลี่ยโดยการหารจำนวนวันเลย 

2. EMA นั้นจะเป็นการคำนวณ และให้น้ำหนักกับวันล่าสุดมากกว่า เส้นค่าเฉลี่ยจึงตอบสนองการเคลื่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า

how-to-read-stock-chart-for-benginner
แหล่งที่มา https://www.forexinthai.com/1302/

ตามตัวอย่างจะเห็นได้ว่าถึงแม้เวลาจะ 10 วันเท่ากัน แต่ EMA  (เส้นสีเหลือง) มีความไวในการตอบสนองต่อราคาเร็วกว่า SMA  (เส้นสีน้ำเงิน) โดยดูได้จากความชันของ EMA ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่า SMA นั่นเอง

MACD (Moving Average Convergence Divergence)

คือเส้นของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา 2 เส้น สร้างขึ้นโดยใช้ความต่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้น โดยที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นหนึ่ง ใช้ระยะเวลาในการคำนวณยาวกว่าเส้นค่าเฉลี่ยอีกเส้นหนึ่ง และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้นนี้ นิยมใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Exponential

และเป็น indicator ที่สะดวกและง่ายต่อการนำไปใช้ดู Treand และ Momentum (หุ้นทีมีพลังมากกว่าหุ้นตัวอื่น ๆในตลาด) ของราคาซึ่งมีประสิทธิภาพมาก Indicator MACD มีประโยชน์ในการนำไปใช้งานคือ ใช้บอกแนวโน้มของราคาที่เกิดขึ้น, บอกจุดที่ควรซื้อหรือขาย ทั้งระยะกลางและระยะสั้น, บอก Momentum ของราคาหุ้นหรือค่าเงิน และสามารถบอกสัญญาณซื้อขายได้ วัดความแรงของตลาดว่าเป็น BULLหรือ BEAR

การใช้ MACD ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คือ การเข้าใจในเรื่อง Divergence ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ลักษณะของ Divergence คือการขัดทิศทางกันของราคากับ Indicator ซึ่งหลักการทำงานของ MACD เช่น ในขณะที่ราคายังคงลดลงต่อเนื่องเป็น Lower Low แต่ MACD ได้ยกตัวขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ลักษณะที่ MACD ยกตัวสวนขึ้นมาในแนวโนมราคาขาลง เราจะเรียกสัญญาณจาก MACD นี้ว่า Bullish Divergence ในทางกลับกัน หากราคาเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แล้ว MACD ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่เหมือนราคา เราก็จะเรียกสัญญาณเตือนถึงการมาของขาลงนี้ว่า Bearish Divergence

ให้สังเกตจากช่วงกลางระหว่างด้านบนกับด้านล่าง หรือด้านบวกกับด้านลบ โดยบริเวณที่อยู่ด้านบนเรียกว่า Bullish zone ส่วนบริเวณด้านล่างเรียกว่า Bearish Zone ระหว่างอาณาเขต Bullish zone (ด้านบน) และอาณาเขต Bearish Zone (ด้านล่าง)

Fibonacci Retracement (ฟิโบนัชชี รีเทรชเมนท์)

คือ เครื่องมือที่จะเป็นช่วยวิเคราะห์หาจุดกลับตัวของกราฟราคา เป็นการวิเคราะห์ว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปถึงจุดไหน รวมไปถึงจุดสำหรับขายขาดทุน (Cut Loss) ในกรณีที่ไม่เป็นตามที่คิดไว้อีกด้วย ถือเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ในทุก ๆ ด้าน และช่วยระบุระดับราคาของแนวรับและแนวต้านซึ่งอาจทำให้เกิดการกลับตัวหรือย่อตัวของราคา และยังใช้เป็นตัวหาระดับราคาในการเข้าเทรดอีกด้วย

การวิเคราะห์ มองหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น และ สมมติให้วันที่เริ่มใช้ Fibonacci Retracement ณ วันที่เส้นสีฟ้า ซึ่งมีราคาสูงสุดประมาณ 80.62 บาท และราคาต่ำสุดประมาณ 68.23 บาท

how-to-read-stock-chart-for-benginner
แหล่งที่มา https://knowledge.bualuang.co.th/

จากรูปจะเห็นว่าหลังจากราคาปัจจุบัน กราฟราคาได้ลงไปแตะที่จุด 0.618 และ 0.5 ซึ่งเป็นจังหวะที่นักลงทุนสามารถทยอยซื้อหุ้นได้ และเมื่อกราฟราคาวิ่งขึ้นไปแตะที่จุด 1.618 เป็นจังหวะที่นักลงทุนควรขายหุ้นเพื่อทำกำไร

RSI (Relative Strength Index)

เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลกราฟทางเทคนิค การวัดแนวโน้ม หรือ Momentum ของราคาหุ้น รวมถึงความเร็วในการเกิดแนวโน้มของราคาสำหรับนักลงทุนในช่วงหนึ่ง เพื่อใช้ประกอบกับการดูแนวโน้มของราคา โดยจะมีค่าระหว่าง 0-100 เป็นตัววัดความแกว่งของราคาหุ้น เพื่อดูสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปของตลาด และราคาของสินทรัพย์ตัวนั้น ๆ ตลอดจนสัญญาการเฝ้าระวังการกลับตัวของราคา เพื่อให้นักลงทุนได้ตัดสินใจในการเข้าซื้อและทำกำไร

อีกทั้งยังช่วยให้รู้ได้ว่าหุ้นใดเป็น หุ้นเชื่องช้า (Laggard) ที่ค่อยขยับแบบช้า ๆ และหุ้นใดเป็นหุ้นกลุ่มผู้นำตลาด (Leader) ซึ่งดีต่อการลงทุนมากกว่า โดยวิเคราะห์จากการใช้เส้น RSI เปรียบเทียบพฤติกรรมราคาหุ้นกับดัชนี

RSI นอกจากจะช่วยบอกสัญญาณ Over Bought Oversold แล้ว ยังสามารถช่วยบอกถึงสัญญาณเตือนการกลับตัวของราคาอีกด้วย ซึ่งในลักษณะนี้จะเรียกว่าการ Divergence โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. สัญญาณ Bearish Divergence คือ สัญญาณที่บ่งบอกถึงความขัดแย้งของราคาและ RSI ที่ไม่สัมพันธ์กัน หรือการสวนทางกัน เมื่อราคาของสินทรัพย์ที่ต้องการเทรดมีการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ RSI กลับทิศทางตรงกันข้ามคือทำจุดสูงสุดต่ำลงเรื่อย ๆ

2. สัญญาณ Bullish Divergent คือ สัญญาณของสภาวะที่พร้อมจะเป็นกระทิง เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดลงเรื่อย ๆ แต่เส้น RSI ทำจุดสูงสุดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสัญญาณการพุ่งทะยานมีค่ามากกว่า 30 นักลงทุนควรเฝ้าระวังการกลับตัวของราคา และใช้เครื่องมืออื่น ๆ ช่วยในการตัดสินใจเพื่อเข้าซื้อ  

ใช้งาน Indicator ผ่านโปรแกรม Mitrade ได้ยังไง?

MiTrade ได้เสนอ Indicators หลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกใช้ครบทุกความต้องการที่จำเป็น ทั้ง Indicators       ยอดนิยมอย่าง Simple Moving Averages (SMA), Exponential Moving Averages (EMA), Moving Average Convergence Divergence (MACD), Relative Strength Index (RSI), Momentum, Bollinger Bands, Commodity Channel Index (CCI), TRIX, Average True Range (ATR), Weighted Moving Average (WMA), Average Directional Index (ADX), Chande Momentum Oscillator (CMO) ฯลฯ เป็นต้น

how-to-read-stock-chart-for-benginner

ทำไมเทรดกับ Mitrade

แพลตฟอร์มเทรดของ Mitrade

ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักลงทุนมืออาชีพและผู้สนใจในการลงทุน Mitrade น่าเชื่อถือและน่าลงทุนมาก ๆ สำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร อีกทั้งยังได้รับการกำกับดูแลโดย Cayman Islands Monetary Authority (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446 อีกทั้งยังได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ควบคุมโดยสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรพย์และการลงทุนออสเตรเลีย (ASIC)

  • เทรดได้ทุกที่ ทุกเวลา

แพลตฟอร์มเทรดผ่านทางหน้าเเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนมือถือใช้ระบบHtml5 และ Cloud ทำให้สามารถใช้งานได้ดีบนอุปกรณ์ต่าง ๆ

  • ระบบการเทรดที่ยอมเยี่ยม

ท่านสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้หลากหลายรูปแบบ

  • การวิเคราะห์กราฟอย่างมืออาชีพ
  • ทางเราได้รวบรวมตัวชี้วัดทางเทคนิค และกราฟที่เป็นที่นิยมไว้อย่างครบถ้วน เพื่อช่วยท่านในการวิเคราะห์แนวโน้มของคู่เงินต่าง ๆ
  • ฟรีเครื่องมือจัดการความเสี่ยง

เราบริการเครื่องมือจัดการความเสี่ยง เช่น Stop Loss และ Trailing Stop

  • การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์

รับข่าวสารทั่วโลก ปฏิทินทางเศรษฐกิจ การแจ้งเตือนราคา และข่าวสารแบบเรียลไทม์

  • การลงทุนที่ปลอดภัย

ทุกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเทรดและการเงินจะถูกจัดการภายใต้ระบบ SSL-encrypted ที่มีความปลอดภัยสูง

  • การจัดการบัญชีภายใต้ระบบเดียว

ด้วยฟังชั่นสุดพิเศษต่าง ๆ เช่น การอัปเดตของตลาด การเทรด ข้อมูลต่าง ๆ การจัดการบัญชี และการจัดการความเสี่ยงถูกรวบรวมไว้ภายใต้ระบบเดียว

สรุป

กราฟหุ้น หรือกราฟราคา เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนจับจังหวะการซื้อ-ขาย หรือเป็นการกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุนได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อใช้เป็นการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นไปได้เบื้องต้นของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นในอนาคตซึ่งจะต้องอาศัยความรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ และกราฟเทคนิคไม่มีกราฟแบบไหนที่คาดคะเนความน่าจะเป็นของราคาหุ้นได้ถูกต้อง 100% เพราะกราฟเป็นเพียงแค่ควาน่าจะเป็นที่เราทำนายไว้ในอนาคตเท่านั้น

how-to-read-stock-chart-for-benginner

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

รับฟรีทันที! เงินเสมือนจริง $50,000 เพื่อฝึกฝนการเทรดกับ Mitrade!