ซื้อหุ้นต่างประเทศ ได้อย่างไรบ้าง? 3 วิธีการซื้อแบบง่าย ๆ

Table of Contents
3 วิธีการซื้อหุ้นต่างประเทศแบบง่าย ๆ
วิธีที่ 1 : เปิดบัญชีกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ (Mutual Fund)
เป็นการลงทุนที่ใช้เงินเริ่มต้นไม่สูง เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ นั้นก็คือการซื้อหุ้นกองทุนรวมผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือธนาคารต่าง ๆ เช่น ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย สามารถทำผ่านระบบบัญชีออนไลน์ได้ สามารถเปิดบัญชีการซื้อหุ้นได้โดยใช้งบประมาณเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก โดยปกติแล้วแค่มีเงินขั้นต่ำเพียง 500-2,000 บาทก็สามารถซื้อได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถลงทุนได้ง่าย ๆ ผ่านนายหน้าหรือแอปฯ ธนาคาร และยังมีผู้ช่วยดูแลเรื่องการลงทุนรวมไปถึงการกระจายความเสี่ยงให้อีกด้วย แต่จะไม่สามารถซื้อหุ้นรายตัวได้
- เหมาะกับใคร?
วิธีนี้เหมาะมากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่อยากร่วมลงทุนหุ้นในต่างประเทศ ไม่อยากใช้เวลาในการติดตามมากนัก อยากมีผู้จัดการกองทุนช่วยดูแล
ข้อดี | ข้อเสีย |
งบน้อยก็ลงทุนได้ (ขั้นต่ำ 500-2,000 บาท) | ไม่สามารถลงทุนในหุ้นรายตัวได้ |
มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล และมีการกระจายความเสี่ยงให้ | ค่าธรรมเนียมกองทุนสูงกว่ากองทุนที่ “ลงทุนในหุ้นไทย” |
ลงทุนได้ง่ายผ่านธนาคารหรือโบรกเกอร์ | สภาพคล่องต่ำ (T+5) |
TOP 6 แนะนำโบรกเกอร์ เปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศ สามารถเข้าไปดูรายละเอียด และเลือกเปิดพอร์ตกับเจ้าที่สนใจได้เลย!
1. บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด | https://www.scbam.com/th/fund/foreign-investment-fund |
2. บลจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง | https://www.bangkokbank.com/…/Foreign-Investment-Funds |
3. บลจ. กสิกรไทย | https://www.kasikornasset.com/Pages/NonTax/Nontax.html |
4. บลจ. กรุงศรี | https://www.krungsriasset.com/TH/FundGroupDetail.aspx… |
5. บลจ. ทหารไทย จำกัด. | https://www.tmbbank.com/mutu…/foreign-investment-fund.html |
6. บลจ. ฟิลลิป | https://bit.ly/3nEkUV0 |
วิธีที่ 2 : เปิดบัญชีการลงทุนผ่านโบรกเกอร์ในไทย (OffShore Investment)
เป็นการลงทุนผ่านตัวกลาง หรือบริษัทโบรกเกอร์ที่อยู่ในไทย โดยส่วนใหญ่การเปิดพอร์ตการลงทุนขั้นต่ำจะอยู่ที่ 100,000 บาทขึ้นไป วิธีที่แนะนำก็คือการซื้อหุ้นต่างประเทศผ่านบริษัทโบรกเกอร์ เช่น SCB, KBANK, Kim Eng, Tisco สามารถวิเคราะห์การลงทุนหุ้นต่างประเทศได้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ตอบโจทย์ เนื่องจากสามารถซื้อหุ้นแบบรายตัวได้แบบเฉพาะเจาะจง สามารถเข้าไปศึกษาบทวิเคราะห์การลงทุนได้อย่างละเอียด อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำปรึกษาอีกด้วย
- เหมาะกับใคร?
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาบ้างแล้วและมีงบลงทุนเยอะ รับความเสี่ยงได้สูง สามารถวิเคราะห์การลงทุนหุ้นต่างประเทศได้
ข้อดี | ข้อเสีย |
เลือกลงทุนในหุ้นรายตัวได้ | ใช้เงินขั้นต่ำในการเปิดพอร์ตสูง (ส่วนใหญ่ 100,000 บาท ขึ้นไป) |
มีบทวิเคราะห์ให้ศึกษา | ค่าธรรมเนียม และค่าคอมมิชชั่นค่อนข้างสูง |
ติดตามได้ง่าย มีเจ้าหน้าที่ดูแล | ลงทุนในเศษหุ้นไม่ได้ |
TOP 6 แนะนำโบรกเกอร์ เปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศ สามารถเข้าไปดูรายละเอียด และเลือกเปิดพอร์ตกับเจ้าที่สนใจได้เลย!
1. บล. ไทยพาณิชย์ | http://www.scbs.com/th/products-services/product-offshore |
2. บล. กสิกรไทย | https://www.kasikornsecurities.com/ksec/page-content.aspx… |
3. บล. เมย์แบงก์กิมเอ็ง | https://www.maybank-ke.co.th/…/produc…/offshore-trading/ |
4. บล. ทิสโก้ | https://www.tiscosec.com/en/globaltrade.html |
5. บล. เอเซีย พลัส | https://inv4.asiaplus.co.th/asps/global/main |
6. บล. ฟิลลิป | https://bit.ly/2KKtanU |
วิธีที่ 3 : ซื้อหุ้นต่างประเทศผ่านสัญญาการซื้อขายส่วนต่าง (CFD Broker)
CFD คือ “Contract for Difference” เป็นการทำสัญญาซื้อขายหุ้นผ่านนายหน้า ที่ได้รับผลตอบแทนในการซื้อหุ้นจริง สามารถลงทุนหุ้นรายตัวได้ เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท นอกจากนี้สำหรับวิธีซื้อหุ้นต่างประเทศด้วยวิธีนี้ยังสามารถซื้อหุ้นได้ทั้งแบบรายตัวและสามารถลงทุนแบบเศษหุ้นได้อีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันในการซื้อหุ้นวิธีนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากเราไม่ใช่ผู้ซื้อหุ้นโดยตรงนั่นเอง
- เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ มีงบลงทุนเยอะ สามารถรับความเสี่ยงได้สูง ชอบเก็งกำไร มีความรู้ด้านการเทรดและเทคนิคต่าง ๆ เป็นอย่างดี และสามารถวิเคราะห์การลงทุนหุ้นต่างประเทศได้
ข้อดี | ข้อเสีย |
ใช้เงินในการเปิดพอร์ตต่ำ (เริ่มหลัก 1,000 บาทขึ้นไป) | ไม่ใช่การลงทุนหุ้นโดยตรง (ไม่ได้รับสิทธิ์เป็นผู้ถือหุ้น) |
ค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขายต่ำ (บางเจ้าฟรีค่าธรรมเนียม) | โบรกเกอร์มาจากต่างชาติ มีความเสี่ยงในการถูกโกงสูง |
ลงทุนในหุ้นรายตัวได้ และลงทุนเป็นเศษหุ้นได้ | ยังไม่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานในไทย |
TOP 5 แนะนำโบรกเกอร์ เปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศ สามารถเข้าไปดูรายละเอียด และเลือกเปิดพอร์ตกับเจ้าที่สนใจได้เลย!
1. eToro | https://www.etoro.com/th/ |
2. Mitrade | http://www.mitrade.com/th |
3. XM | http://www.xm.com |
4. FXTM | http://www.fxtm.com/th |
5. FBS | http://www.fbs.co.th |
ซื้อหุ้นต่างประเทศ โบรกเกอร์ไหนดี? ปี 2022 ตรวจสอบโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้จากตารางเปรียบเทียบข้อมูลด้านล่าง
ชื่อสินค้า | บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ | บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย | บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) | บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง | บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส | บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ | บริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสิน | บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ | บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส | บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป |
คุณสมบัติ | ฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินออกต่างประเทศ เทรดได้เต็มจำนวนไม่ | เทรดได้อย่างแม่นยำ ด้วยบริการ REAL TIME MARKET | เพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อขาย ด้วยบริการระบบ KE | เปิดโอกาสให้เป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำในสหรัฐ ฮ่องกง | เพิ่มโอกาสในการลงทุน กับ 23 ประเทศ และ 37 ตลาดทุนทั่วโลก | รับบทวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ การันตรีด้วยรางวัลผลงานมากมาย | บริการทางการเงินครบวงจร ซื้อขายออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง | ลงทุนไปกับโบรกเกอร์ที่มียอดมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น | มั่นใจตลอดการลงทุน ด้วยประสบการณ์การให้บริการมากกว่า 10 | รับบริการ One to One Coaching บริการให้คำแนะนำแบบส่วนตัว |
อัตราค่าธรรมเนียมซื้อขาย | เริ่มต้นที่ 0.20% | เริ่มต้นที่ 0.20% | เริ่มต้นที่ 0.27% ขั้นต่ำ 100 บาท | เริ่มต้นที่ 0.20% ขั้นต่ำ 20 USD | เริ่มต้นที่ 0.25% | เริ่มต้นที่ 0.5% ขั้นต่ำ 100 USD | เริ่มต้น 0.20% | เริ่มต้น 0.10% ขั้นต่ำ 4.99 USD | เริ่มต้นที่ 0.45% | เริ่มต้นที่ 0.25% ขั้นต่ำ 16.16 USD |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | ไม่มีขั้นต่ำ | 500,000 บาท | ไม่มีขั้นต่ำ | โอนเงินครั้งแรกขั้นต่ำ 500,000 บาท ครั้งต่อไปไม่มีขั้นต่ำ | ตามที่บริษัทกำหนด | 300,000 บาท | 200,000 บาท | ไม่มีขั้นต่ำ | ไม่มีขั้นต่ำ | ครั้งแรกไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ครั้งต่อไปไม่มีขั้นต่ำ |
จำนวนประเทศที่สามารถไปลงทุนได้ | 24 ประเทศ | 28 ประเทศ | 26 ประเทศ | 3 ประเทศ | 23 ประเทศ | 5 ประเทศ | 12 ประเทศ | 1 ประเทศ | 24 ประเทศ | 11 ประเทศ |
ค่าธรรมเนียมโอนเงิน | ไม่มี | ตามอัตราที่บริษัทกำหนด | โอนเงินไปต่างประเทศ 1,000 บาท ยกเว้น USD, SGD, HKD 500 บาท / โอนเงินกลับประเทศ 1,000 บาท ยกเว้น USD, SGD, HKD 500 บาท | โอนเงินไปต่างประเทศ 1,000 บาท / โอนเงินกลับประเทศ 1,000 บาท | ตามอัตราที่บริษัทกำหนด | ตามอัตราที่บริษัทกำหนด | โอนเงินไปต่างประเทศ 1,500 บาท /โอนเงินกลับประเทศไม่มีค่าธรรมเนียม | โอนเงินไปต่างประเทศ 1,000 บาท/ โอนกลับประเทศ 1,500 บาท | ตามอัตราที่บริษัทกำหนด | โอนเงินไปต่างประเทศ 1,000 บาท / โอนเงินกลับประเทศ 2,000 บาท |
เพิ่มเติม | SCB | KS Trade | MST | BLS | FSS | TISCO | MONURA | SBITO | ASP | PST |
บริหารจัดการเงินลงทุนหุ้นต่างประเทศ อย่างไรดี?
20%ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ ความเสี่ยงได้น้อย | 40%ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ ความเสี่ยงได้ปานกลาง |
60%ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับความเสี่ยงได้สูง | 80%ของมูลค่าสินทรัพย์ สำหรับคนรับ ความเสี่ยงได้สูงมาก |
“การลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงในเรื่องของค่าเงินนอกจากราคาหุ้น ดังนั้นแนะนำว่า การลงทุนหุ้นต่างประเทศจะมีโอกาสกำไรจากค่าเงินต้องลงทุนตอนที่ค่าเงินบาทกำลังแข็งค่า ซึ่งเวลานี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดี”
ทำไมหุ้นต่างประเทศถึงน่าลงทุน? เหตุผลที่แนะนำ
1. เพิ่มโอกาสการลงทุน สร้างผลตอบแทนที่มากกว่า นักลงทุนไทยสามารถเพิ่มโอกาสการลงทุนจากการเล่นหุ้นต่างประเทศ เพราะนอกจากการลงทุนในหุ้นไทยแล้ว นักลงทุนจะสร้างผลตอบแทนจากทั้งสองตลาดอีกด้วย
2. สร้างการเติบโตระยะยาว ด้วยกระแสทางเศรษฐกิจ จะสังเกตได้ว่าบริษัทส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นต่างประเทศจะที่มี Most Active Value หรือ หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดจะอยู่ที่บริษัทเทคโนโลยี หรือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม รวมไปถึงธนาคารการเงินต่าง ๆ นี่จึงเป็นสัญญาณชั้นยอดที่พอร์ตการลงทุนของคุณจะประดับด้วยหุ้นที่สร้างการเติบโตระยะยาว
3. เป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้ทั่วโลก จากการลงทุนได้หลากหลายภูมิภาค และหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ส่งผลให้นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงเพื่อบริหารพอร์ตได้ เพราะตลาดหุ้นต่างประเทศที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในหุ้นถือว่าหลากหลายมาก ตัวอย่างเช่น Nasdaq, Hong Kong Stock Exchange, New York Stock Exchange
4. ตลาดหุ้นไทยอาจผันผวนเกินไป? จากความกังวลที่สะสมมาตั้งแต่ก่อนยุค Covid-19 จึงอาจทำให้นักลงทุนไทยเริ่มมองหากลยุทธ์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงเมื่อตลาดหุ้นไทยอยู่ในสภาวะผันผวน นอกจากนี้อาจเป็นเพราะธุรกิจที่มุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างจริงจังมีน้อย ดังนั้นเพื่อรอเวลาให้ฐานของเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง คุณอาจเข้าไปลงทุนในหุ้นตลาดต่างประเทศได้
5. เมื่อราคาลงมาต่ำมาก ๆ นี่คือสัญญาณของการเข้าซื้อหรือเปล่า? จากสถาการณ์ covid-19 ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทหลาย sector ลดลงมาต่ำมาก ๆ เมื่อเทียบในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยตลาดหุ้นในต่างประเทศมีหลายธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตที่สูงมาก ๆ เมื่อเทียบกับบ้านเรา อย่างเช่นกลุ่มเทคโนโลยี
10 หุ้นต่างประเทศที่เป็นที่นิยมและที่น่าจะซื้อ
1. Apple – AAPL | จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดขายกลุ่มสมาร์ทโฟน iPhone 12 ที่ทำได้สูงถึง $111.4 billion คิดเป็นร้อยละ 21 สูงกว่าปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายได้เกิน 80 ล้านเครื่อง ข่าวเหล่านี้เป็นปัจจัยเชิงบวกที่ผลักดันราคาหุ้นของ Apple ไปสูงกว่า $154.48 |
2. Microsoft – MSFT | กว่า 40 ที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกต่างให้ความไว้วางใจแก่ Microsoft แม้ผู้ให้บริการรายสำคัญอย่าง Apple ที่ออกระบบปฏิบัติการสุดล้ำออกมาในรูป Smart Phone และ MacBook แต่ Microsoft ก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงถึง 76.56% ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ $244.52 และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2021 นี้อัตราส่วนทางการเงินของ Microsoft จะเพิ่มจาก $6.78 เป็น $7.34 อีกด้วย |
3. Amazon – AMZN | หลังจากเจฟฟ์ เบโซส ประกาศอำลาตำแหน่ง CEO ของ Amazon นักลงทุนหลายท่านกังวลเรื่องราคาหุ้นที่อาจได้รับผลกระทบ แต่ตรงกันข้ามเมื่อ Amazon ประกาศรายได้ภายใต้สถานการณ์นี้สูงถึงกว่าแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งตอนนี้ Amazon กำลังวางกลยุทธ์ใหม่เพื่อผลักดัน SME และสร้างความยั่งยืน ดังนั้นลองเดาดูกันว่าราคาหุ้นปัจจุบันที่อยู่ที่ $124.66 จะขยับขึ้นไปอีกเท่าไหร่? |
4. Facebook – META | ให้บริการเป็นตัวกลางของเครือค่ายสังคมออนไลน์ ที่เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ การเงิน การตลาด ข่าวสาร และอื่น ๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน Facebook ถือเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ขาดไม่ได้ ซึ่งได้ส่งเสริมนโยบายลดการรวมกลุ่มได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันนี้หุ้น Facebook มีราคาอยู่ที่ $148.02 และพยายามจะสร้าง community ในทุก ๆ ปัจจัยที่ผู้ใช้บริการ จึงเป็นโอกาสดีในระยะยาวถ้าจะเข้าไปลงทุนในหุ้น Facebook |
5. Tesla – TSLA | บริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอย่าง Tesla ได้เดินหน้าพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความหวังใหม่ของประชาคมโลกที่เฝ้าดูนวัตกรรมของ CEO คุณอีลอน มักส์แม้จะมีข่าวด้านปัญหาเชิงเทคนิคของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Tesla ออกมาแต่หุ้นของ Tesla ก็ยังคงยื่นอยู่ที่ $309.07 ซึ่งในความเห็นนักลงทุนมองว่าหุ้นตัวนี้จะขยับขึ้นไปสูงพอ ๆ กับความคาดหวังที่ Tesla จะมอบนวัตกรรมสุดล้ำให้แก่มวลมนุษย์ |
6. Johnson and Johnson – JNJ | นับเป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรม Pharmaceutical Medical devices Consumer healthcare มาอย่างยาวนาน ด้วยทีมนักวิจัยที่แข็งแกร่งนี่เองทำให้ในสถานการณ์ Covid-19 นี้ Johnson and Johnson มีโอกาสพัฒนาวัคซีนที่ใช้ได้จริง ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ทำให้หุ้น JNJ กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ $166.28 |
7. Netflix – NFLX | ถือเป็นหุ้นสหรัฐตัวหนึ่งที่มีมูลค่าเติบโตมากสุดในปี 2020 ซึ่งจากกลยุทธ์ของการสร้าง Original Content อย่าง Local Content ได้นำพา Netflix ให้เป็นแบรนด์ที่มีความสร้างสรรค์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ล่าสุดกับราคาหุ้น $243.63 ได้เปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนที่อาจกังวลว่านี่เป็นเพียงกระแสสั้น ๆ ให้มองทะลุไปถึงการบริหารงานดีงามของ Netflix |
8. Twitter – TWTR | เรียกได้ว่าเป็นกระแสอยู่ทุกช่วง สำหรับแพลตฟอร์ม Twitter ที่ตอนนี้มีราคาหุ้นอยู่ที่ $41.66 โดยผู้ใช้บริการต่างชื่นชมว่าเป็นสังคมออนไลน์ที่ให้ความเท่าเทียมกันมากที่สุดแม้ยอดผู้ใช้งานจะน้อยกว่า Facebook อยู่หลายเท่าก็ตาม ซึ่งปัจจัยบวกทางการลงทุนล่าสุด Twitter ปล่อยฟีเจอร์ Spaces ที่มีความคล้ายคลึงกันกับ Clubhouse โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่านี่อาจเป็นโซลูชั่นที่เรียกผู้ใช้งานของ Twitter กลับมาและเพิ่มเป็นเท่าตัวในอนาคตได้ |
9. Roblox – RBLX | เป็น Social Gaming Platfoem เหมือน Facebook บวกกับ Youtube ที่ให้คนเข้ามาคุยกันเป็นเครือข่ายสังคมและมีเครื่องมือให้นักพัฒนาสามารถสร้างเกมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย User Generate Content (UGC) ทำให้แพลตฟอร์มมี Network Effect มหาศาลโดยที่ต้นทุนการผลิตเกมไม่สูง Tools ใช้งานง่ายกว่าคู่แข่งอย่าง EPIC และ Unity โดยปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ $37.11 |
10. Tencent – 0700 | ธุรกิจใหญ่ของ Tencent คือ WeChat และ QQ ซึ่ง WeChat คือ โซเชียลมีเดียที่สามารถจ่ายเงินได้ ฝากเงิน และสามารถซื้อกองทุนได้ จุดที่น่าสนใจคือ มีผู้ใช้งาน 1.3 พันล้านคน แพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งมาก เพราะว่าเมื่อมีคนเข้ามาใช้งานมากขึ้นก็จะมีเซอร์วิส ที่เป็นนิมิโปรแกรม และเป็นอันดับ 1 ทาง Tencent มุ่งไปทาง Metaveres มียอดขายมีผู้เล่นมหาศาล โดยปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ $295.20 |
ข้อดีข้อจำกัดของการซื้อหุ้นต่างประเทศ
ข้อดีในการซื้อหุ้นต่างประเทศ
- มีหุ้นดีใหม่ ๆ ที่มีการเติบโตสูงและไม่มีในประเทศไทยได้ หากซื้อหุ้นต่างประเทศจะมีโอกาสลงทุนในหุ้นใหม่ ๆ ที่ไทยไม่มี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม New Economy ที่เน้นไปทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่อย่าง Fintech, E-Commerce, AI, Mobile Applications และ Healthcare ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ในขณะที่หุ้นไทยยังเป็นกลุ่ม Old Economy อยู่ส่วนใหญ่
- ช่วยกระจายความเสี่ยง ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันหนึ่งเราอาจต้องประสบปัญหาเงินเฟ้อที่เงินกลายเป็นกระดาษไม่มีค่า แน่นอนว่าถ้าลงทุนในประเทศเดียว 100% โอกาสเจ็บตัวย่อมมากกว่าคนที่แบ่งไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ 50% อยู่แล้ว ดังนั้น การซื้อหุ้นต่างประเทศจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้
- ช่วยเพิ่มตัวเลือกในการลงทุนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Apple, Tencent, Tesla หรือ Meta แน่นอนว่าหากคุณซื้อหุ้นต่างประเทศก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนดีไปด้วย
- กำไรจากการขายหุ้นได้รับการยกเว้นภาษี เมื่อคุณซื้อหุ้นต่างประเทศกำไรที่ได้มาจะไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นเงินปันผลจะมีการหัก ณ ที่จ่าย 10% บางประเทศอย่างสหรัฐอาจมีการหักมากกว่าที่ 15-37% (ขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์แต่ละตัว) หรือบางประเทศก็ไม่หักเลย เช่น เวียดนาม นอกจากนี้ อาจมีการเรียกเก็บภาษีขาซื้อและขาขายด้วย แต่ไม่มากนัก โดยเฉลี่ยแล้วจะไม่ถึง 1%
- ขายชอร์ต (Short Sell) ได้คล่องตัวกว่าไทย ในประเทศไทยการขายชอร์ต จะถูกควบคุมโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ถ้าลงทุนหุ้นต่างประเทศการขายชอร์ตจะทำได้ง่ายกว่า จึงเป็นโอกาสให้เราทำกำไรจากหุ้นที่แพงเกินความเป็นจริงได้
**ขายชอร์ต (Short Sell) คือ การยืมหุ้นที่คาดว่าจะลงไปขายเพื่อทำกำไร เมื่อยืมครบกำหนดแล้วจะต้องซื้อหุ้นนั้นมาคืนและจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ให้ยืม เช่น ยืมหุ้นจากโบรกเกอร์มาขาย 100 บาท แต่ซื้อหุ้นมาคืนในราคา 50 บาท นักขายชอร์ตก็จะได้กำไร 50 บาท (กรณีที่หุ้นนั้นลงจริง)
ข้อจำกัดในการซื้อหุ้นต่างประเทศ
- ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำค่อนข้างมาก ขึ้นชื่อว่าเป็นการซื้อหุ้นต่างประเทศ แน่นอนว่าต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง บางตัวขั้นต่ำอยู่ที่หลักหมื่น บางตัวก็หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน การลงทุนต่างประเทศจึงถูกจำกัดอยู่กับผู้ที่มีเงินก้อนใหญ่เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ไม่มีเงินก้อนใหญ่จะไม่สามารถลงทุนต่างประเทศได้ แต่อาจจะเลือกไปลงทุนในกองทุนรวมที่เขาลงทุนหุ้นต่างประเทศอีกที โดยเงินลงทุนขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทเท่านั้นเอง
- เสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเข้า-ออกจากประเทศอยู่บ่อย ๆ โดยปกติการซื้อขายหุ้นต่างประเทศต้องมีการโอนเงินเข้า-ออกประเทศอยู่บ่อย ๆ ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอน โดยแต่ละโบรกเกอร์จะมีราคาไม่เท่ากัน ดังนั้น ควรอ่านรายละเอียดก่อนลงทุนหุ้นต่างประเทศเสมอ
- ต้องยอมรับความเสี่ยงเมื่อค่าเงินผันผวน สมมติเราได้กำไรจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ ณ ขณะนั้นคือช่วงที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงมาก ๆ กลับกลายเป็นว่าเราขาดทุนเมื่อแลกกลับมาเป็นบาท และนี่ถือเป็นความเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของการลงทุนต่างประเทศที่นักลงทุนจะต้องยอมรับ
- ไม่มีการกำหนดราคา สูงสุด(Ceiling)/ต่ำสุด(Floor) หุ้นต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ ไม่มีการกำหนด Ceiling และ Floor บางคนอาจมองว่าได้เปรียบเพราะมีโอกาสพุ่งทะลุเกิน 100% ซึ่งสามารถกอบโกยกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ในทางตรงกันข้ามก็สามารถดิ่งลงไปถึง -80% ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนที่ไม่มีเวลามาดูพอร์ต เพราะอาจ Cut Loss ไม่ทัน
- มีปัญหาด้านการสื่อสารและข้อมูล การซื้อหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ต้องสื่อสารและทำความเข้าใจข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ แต่สำหรับคนที่จะลงทุนหุ้นต่างประเทศอย่างหุ้นญี่ปุ่นหรือหุ้นยุโรป บางบริษัทอาจไม่มีข้อมูลภาษาอังกฤษให้ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ภาษาประจำถิ่นของเขาเองมากกว่า แถมยังเป็นอุปสรรคของคนที่ตามข่าวสาร เพราะกว่าจะแปลเป็นภาษาอังกฤษก็เสียเปรียบไปแล้ว
“เป็นยังไงกันบ้างหลังอ่านบทความเกี่ยวกับการเล่นหุ้นในต่างประเทศกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนหวังว่าจะน่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนไม่มากก็น้อยนะคะ”
ข้อมูลเพิ่มเดิม>>>
วิธีดูกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ วิเคราะห์กราฟหุ้นยังไง?
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น โบรกไหนค่าคอมถูกสุด
ควรซื้อหุ้น Tesla หรือไม่? ซื้อหุ้น Tesla โดยค่าคอมมิชชั่น 0%
ROA คือ อะไร? ค่า ROA กับ ค่า ROE แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
DCA คือ อะไร? การออมหุ้น (DCA: Dollar-Cost Averaging) คืออะไร?
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น