สัญญาอัจฉริยะ หรือ Smart Contract คืออะไร? สำคัญอย่างไร?

Smart Contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ คืออะไร? ทำไมองค์กรต้องทำความรู้จัก? แล้วเคยสงสัยหรือไม่? ว่าแท้จริงแล้ว Smart Contract มีบทบาทอย่างไรกับเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือคริปโตเคอร์เรนซี ในบทความเราจะช่วยขยายความของ Smart Contract ให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น วันนี้เราเลยสรุปเนื้อหาใจความสำคัญมาให้ได้อ่านกัน

Smart Contract คืออะไร

Smart Contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ เกิดมาจาก Nick Szabo ที่เป็นผู้เสนอไอเดียว่า Blockchain สามารถใช้ในการบันทึกข้อตกลงของสัญญาที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง หรือใช้พนักงานในการมานั่งตรวจสอบเอกสาร โดยทุกอย่างให้คอมพิวเตอร์และโปรแกรมจัดการ และการ Hack ข้อมูลเกิดขึ้นได้ยาก

ทำไม Smart Contract กับ Blockchain ถึงทำงานรวมกัน?

Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยนำมาซึ่งความมั่นคงปลอดภัย น่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง และเป็นแพลตฟอร์มในการทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer ที่มีการบันทึกข้อมูลรายการธุรกรรมทั้งหมดแบบกระจายศูนย์ (Decentralize) โดยการพัฒนาของ Blockchain นั้นได้มีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ

  • เริ่มจากยุคแรก คือ Blockchain 1.0 เมื่อปี ค.ศ. 2008
  • ในระยะต่อมา Blockchain 2.0 โดยในยุคนี้เป็นยุคที่ Blockchain พัฒนาความสามารถในการเขียนโปรแกรมหรือที่เรียกกันว่า Smart Contract บน Blockchain ที่ไม่มีตัวกลางควบคุมและไม่ต้องกลัวใครไม่ทำตามเงื่อนไข
  • การพัฒนาเทคโนโลยีในระยะถัดมา Blockchain 3.0 ในปี ค.ศ. 2017 ซึ่งเป็น ยุคของ Dapp หรือ Decentralized application โดยมีแนวคิดเกี่ยวกับ Smart Contract เพื่อสร้างกระบวนการแบบกระจายศูนย์ที่เป็นอิสระ

สัญญาอัจฉริยะส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies โดยทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์ทันที แบบไม่ต้องให้คนกลางเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเสียเวลาในการทำธุรกรรม

Smart Contract ทำงานยังไง

กระบวนการทำงานสามารถแบ่งย่อยได้ 3 ขั้นตอนดังนี้

  • การสร้างข้อตกลง

ข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจะถูกแปลงเป็น Code จากนั้นการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกโดยอัตโนมัติในบล็อกเชนของอีเธอเรียม Smart Contract แต่ละอันจะมีหมายเลขที่อยู่เป็นของตัวเอง และเมื่อ Smart Contract ถูกบันทึกในบล็อกเชนของอีเธอเรียม ใครก็ตามที่มีที่อยู่ของตัวสมาร์ทคอนแทรคนั้น ๆ จะสามารถเข้าถึง Smart Contract ได้

ข้อควรรู้คือ: เมื่อสร้าง Smart Contract แล้วจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้

  • Triggering Events

Smart Contract จำเป็นที่จะระบุถึงเหตุการณ์, จุดประสงค์ และวันหมดอายุของสัญญาเพื่อให้ตัว Smart Contract ทำงานได้ด้วยตัวมันเองโดยพิจารณาจากข้อตกลงที่ถูกแปลงเป็นรหัส ซึ่งรหัสเหล่านี้จะระบุขั้นตอนต่าง ๆ โดยอาศัยหลักเหตุและผล คือเมื่อมี Trigger Event หรือสิ่งที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ระบบจะดำเนินการทำตามเงื่อนไขให้อัตโนมัติ

  • การยุติข้อตกลง

เมื่อ Smart Contract ถูกสร้างมาแล้ว ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นที่จะต้องให้สิทธิ์การเข้าถึงสินค้า/บริการ หรือสัญญาที่ใส่ไว้ใน Smart Contract ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในตอนแรก แต่ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ทำตามที่ระบุไว้ในสัญญาภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ บล็อกเชนก็จะคืนเงินไปให้อีกฝ่ายหนึ่ง

ประโยชน์ของ Smart Contract

  • ตามตัวอย่างด้านบนจะเห็นได้ว่าการใช้ Smart Contract สามารถตัดตัวกลางและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นระหว่างการทำธุรกรรมออกไปได้ หมายความว่าผู้ใช้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาลงไปได้อย่างมีนัยสำคัญนั่นเอง
  • การมีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำ หมายความว่า Smart Contract มีความเป็นดิจิทัลและมีความเป็นอัติโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาในการพิมพ์กระดาษและตรวจสอบข้อผิดพลาดในการจัดเก็บเอกสารอีกด้วย
  • การที่ Smart Contract เป็นโปรแกรมที่วิ่งอยู่บน Blockchain หมายความว่า Smart Contract ได้สืบทอดคุณสมบัติของ Blockchain มาทั้งหมดแล้ว เช่น เรื่องของความน่าเชื่อถือ โปร่งใส ตรวจสอบย้อนหลังได้ และปลอดภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานของ Blockchain นั่นเอง

สัญญาอัจฉริยะสำคัญอย่างไร

สัญญาอัจฉริยะถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปและโทเค็นแบบกระจายอำนาจได้หลากหลาย โดยสัญญาอัจฉริยะถูกนำไปใช้ในแทบจะทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่เครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ไปจนถึงประสบการณ์ ด้านโลจิสติกส์และเกม ซึ่งสัญญาจะได้รับการจัดเก็บไว้บนบล็อกเชน เช่นเดียวกันกับธุรกรรมเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีกด้วย

เมื่อเข้าใจภาพรวมของ Smart Contract ไปแล้ว ต่อไปเรามาดูตัวอย่างของการใช้ Smart Contract ร่วมกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยมีตัวอย่างดังต่อไปนี้

ตัวอย่าง Smart Contract

ในที่นี่จะขอยกตัวอย่างการซื้อขายรถยนต์ โดยการทำสัญญาทั่วไปจะเป็นการทำสัญญาระหว่าง 2 ฝ่าย

ภาพที่ 1: กระบวนการซื้อขายรถยนต์โดยการทำสัญญาทั่วไป
ที่มารูปภาพ: https://blockchainhub.net/blog/infographics/smart-contracts-explained/

จากตัวอย่าง (ในรูปภาพที่1) หากนาย A ต้องการซื้อรถยนต์จากนาย B ซึ่งต้องมีบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้จะต้องยืนยันและรับรองความถูกต้องของข้อตกลงซึ่งอย่างน้อยหนึ่งคน แต่โดยปกติแล้วบุคคลที่สามต้องเป็นผู้ที่เชื่อถือได้ เช่น หน่วยงานด้านทะเบียนยานยนต์ร่วมกับทนายความและ / หรือ บริษัท ประกันภัย ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อนและใช้เวลานานและต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนมากสำหรับคนกลางเหล่านี้

ภาพที่ 2: กระบวนการซื้อขายรถยนต์ด้วย Smart Contract
ที่มารูปภาพ: https://blockchainhub.net/blog/infographics/smart-contracts-explained/

ภาพที่ 3: กระบวนการตรวจสอบความเป็นเจ้าของรถยนต์
ที่มารูปภาพ: https://blockchainhub.net/blog/infographics/smart-contracts-explained/

กรณีที่เป็น Smart Contract เมื่อทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาอยู่ในเครือข่าย Blockchain แล้ว (ดังรูปภาพที่ 3 และ 4) ถ้านาย A ต้องการซื้อรถจากนาย B โดยใช้ Smart Contract บน Blockchain ธุรกรรมจะได้รับการตรวจสอบโดยแต่ละ Node ในเครือข่าย Blockchain เพื่อดูว่าเป็นเจ้าของรถหรือไม่และถ้านาย A มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายเงินให้กับนาย B

ภาพที่ 5: ตัวอย่างของการนำ Smart Contract ไปใช้ ในแบบธุรกรรมทั่วไป ไปถึงธุรกรรมที่มีความซับซ้อน
ที่มารูปภาพ: https://blockchainhub.net/smart-contracts
ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.etda.or.th/th/

 เราลองมาดูตัวอย่างการใช้งาน Smart Contract ในโลกคริปโตในมิติต่าง ๆ ดังนี้

เราสามารถนำ Smart Contract ไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น การให้บริการทางการเงิน ระบบลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการปรับใช้ Smart Contract กับวงการกฎหมายอีกด้วย

  • Smart Contract กับ การเงิน

นักพัฒนาใช้ประโยชน์จาก Smart Contract เพื่อทำข้อตกลงหรือเงื่อนไขทางธุรกรรมการเงิน ลักษณะเหมือนระบบการเงินเดิม เพียงแต่ไม่มีตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน โดยดำเนินการได้ด้วยตนเองตามเงื่อนไขที่โปรแกรมเขียนไว้ ทำให้เกิดแพลตฟอร์ม Decentralized Finance ที่ทำงานเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ ผู้ใช้งานไม่ต้องเชื่อมั่นในผู้สร้าง แต่เชื่อมั่นในโปรแกรม Smart Contract ที่เขียนขึ้นมาและตรวจสอบได้จากทุกฝ่าย

เช่น MakerDAO (แพลตฟอร์มสำหรับสร้างสินทรัพย์ดิจิทัล) ใช้ Smart Contract ทำสัญญาสร้าง Stablecoin อย่าง Dai ซึ่งมาจากการค้ำประกันด้วยคริปโตฯ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างผู้ใช้งานกับแพลตฟอร์ม

  • Smart Contract กับ อสังหาริมทรัพย์

Smart Contract ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการลงทุนเป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้บางส่วน หรือที่เรียกว่า Fractional ownership ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดในการลงทุนอุตสาหกรรมนี้ โดยผสมผสานแนวคิดทำธุรกรรมอสังหาฯ กับนวัตกรรมบล็อกเชนเข้าไว้ด้วยกัน

ปัจจุบันได้เกิดโปรเจกต์การลงทุนอสังหาฯ ในโลกดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จมากมายอย่าง RealT และ SolidBlock โดยเปิดให้ผู้ใช้งานนำซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวด้วยโทเคนได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำ Smart Contract เข้ามาช่วยในเรื่องของขั้นตอนธุรกรรมและสัญญาอสังหาฯ อีกด้วย ถือว่า Smart Contract เป็นตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียว ทั้งช่วยประหยัดเวลา และลดขั้นตอนอื่น ๆ อีกมากมาย

  • Smart Contract กับ DAOs

Daos ใช้ Smart Contract ในการเข้ารหัสโครงสร้างบริษัท ช่วยให้มีระบบการทำงานให้ผลตอบแทนที่เป็นตามเงื่อนไขอัตโนมัติ เอื้อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ออฟฟิศ การว่าจ้างส่วนอื่น หรือแม้แต่การทำเรื่องจ่ายสิ่งต่าง ๆ

  • Smart Contract กับ กฎหมาย

ถือเป็นอีกหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจ การปรับใช้ Smart Contract กับวงการกฎหมายจะช่วยในแง่ของการให้ข้อมูลทำข้อตกลงทางธุรกิจ โดยมักนำมาปรับใช้ในรูปของ e-signatures ถือว่าเข้ามาเป็นตัวเลือกในการทำสัญญาที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการใช้ทนายความหรือตัวกลางอื่นในกระบวนการทำสัญญาต่าง ๆ

ตัวอย่างเหรียญ Smart Contract มีอะไรบ้าง

เหรียญคริปโตฯ Smart Contract มีหลายตัวที่น่าสนใจ เราลองมาดูตัวอย่างเหรียญ Smart Contract ดังตารางด้านล่างกัน

ชื่อเหรียญรายละเอียด
Ethereum (ETH)Ethereum ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Vitalik Buterin เปิดตัวในปี 2015 ที่ขยายขอบเขตของ Smart Contract มาใช้กับเรื่องของเอกสารและพื้นที่เปิดที่ทำให้เหล่านักพัฒนาสามารถเข้ามาเขียนโปรแกรมได้ง่ายกว่าเครือข่าย Bitcoin
Solana (SOL)บล็อกเชนที่มีฟังก์ชัน smart contract ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการขยายการใช้งาน (scalability) โดยเฉพาะ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถพัฒนา DApp ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดเรื่องประสิทธิภาพของบล็อกเชน
Cardano (ADA)แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใช้กลไก Consensus แบบ Proof of Stake (POS) อีกทั้งยังจัดเป็นโปรเจกต์แบบ Open Source ช่วยให้สร้างระบบนิเวศในการทำธุรกรรมที่โปร่งใส ปลอดภัย และยุติธรรม นอกจากนี้ ได้เริ่มประยุกต์ใช้ Smart Contract เมื่อกันยายน ปี 2021 ถูกนำมาใช้กับบริษัทด้านการเกษตร เพื่อช่วยดูสินค้าว่าใหม่หรือเก่า
Avalanche (AVAX)เป็นโปรเจกต์นี้มุ่งเน้นการเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ Smart Contract ในการทำธุรกรรมรวดเร็ว โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน 3 แบบเข้าด้วยกัน เพื่อให้ทำธุรกรรมได้เร็วขึ้น ไม่ซับซ้อน รวมทั้งค่าธรรมเนียมต่ำและปรับขนาดธุรกรรมได้
Cosmos (ATOM)ขนานนามตัวเองว่าเป็น The Internet of Blockchain มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างบล็อกเชนต่างเครือข่าย เมื่อผู้คนเริ่มหันมาใช้งาน Smart Contract การทำงานข้ามเชนจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ โดยเครือข่าย Cosmos ต้องการสร้างระบบนิเวศบล็อกเชนที่ทำงานสื่อสารข้ามเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Algorand (ALGO)ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์เหรียญคริปโตฯ ที่มุ่งพัฒนาขึ้นมาแก้ปัญหาในแวดวงการเงิน โดยต้องการเป็นแพตฟอร์มที่มีโปรเจกต์ DeFi เข้ามาใช้งาน นอกจากนี้ Algorand วางตัวเองสู่การเป็น CBDC รวมทั้งถูกนำไปใช้เป็นเทคโนโลยีพัฒนาบล็อกเชนในเอลซัลวาดอร์ 
Elrond (EGLD)เหรียญด้านซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานบน smart contracts ที่มีจุดประสงค์ในการปรับขนาดและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับบล็อกเชนหลักๆ อย่างเช่น Ethereum และ Zilliqa

ข้อดีและข้อจำกัดของ Smart Contract

ข้อดีของ Smart Contract

  • ความปลอดภัยสูง การทำธุรกรรมต่าง ๆ บนบล็อกเชนจะถูกบันทึกเข้ารหัสไว้จึงทำให้ยากต่อการแฮ็กทำให้ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลได้ ทำให้การแฮ็กข้อมูลได้นั้นต้องเปลี่ยนข้อมูลทั้งเครือข่ายซึ่งมีความเป็นได้ที่น้อยมากเลยค่ะ
  • ทำธุรกรรมรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เมื่อเงื่อนไขนั้นถูกต้อง สัญญาจะได้รับการดำเนินการในทันที เพราะ Smart Contract ดำเนินการด้วยตนเองแบบอัตโนมัติ ทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เพียงปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ของ Smart Contract
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย Smart Contract เข้ามาลดความสำคัญของตัวกลางออกไป เนื่องจากไม่มีตัวกลางจึงตัดค่าธรรมเนียมออกไป  ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายเดิมที่ต้องจ่ายให้กับตัวกลางเพื่อดำเนินงาน

ข้อจำกัดของ Smart Contract

  • ข้อบกพร่องของ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ส่วนใหญ่เป็น Open-source ซึ่งถ้าได้รับการออกแบบมาไม่ดี แฮกเกอร์สามารถใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องที่ต่าง ๆ ได้เพื่อสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้กลุ่มแฮกเกอร์นิยมทำการโจรกรรมบ่อยครั้ง
  • ไม่มีข้อกฎหมายรองรับ เทคโนโลยี Smart Contract ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่ใช้งานได้ไม่นาน ส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ ทำให้ยังไม่มีกฎหมายหรือเกณฑ์ข้อบังคับของหน่วยงานภาครัฐรองรับการใช้งาน Smart Contract เมื่อเกิดกรณีผิดพลาดขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานโดยตรง
  • ข้อจำกัดของการใช้งาน ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีความรู้ภาษาคอมอย่าง Solidity ที่ไว้ใช้สำหรับเขียนข้อกำหนดหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ลงในสัญญา หากเงื่อนไขการทำงานซับซ้อน อาจต้องจ้างนักพัฒนามาเขียน Code แทน
  • ปัญหาของโค้ดใน Smart Contract ในการทำธุรกรรมเราไม่ได้แลกแค่เงินกันผ่านอินเตอร์เน็ตแล้ว เรากำลังแลกเอกสาร แลกตัวตน แลกทรัพย์สิน เรียกได้ว่า แทบจะแลกเปลี่ยนกันได้เกือบทุกอย่าง และการแลกเปลี่ยนนี้ก็โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ด้วย แต่ถ้าเกิดว่าโค้ดใน Smart Contract เกิดมีปัญหา ถ้าเป็นคนทั่วไป เราคงไปฟ้องศาลได้ แต่นี่เราคงฟ้องอะไรกับระบบบล็อกเชนไม่ได้

สรุป

Smart Contract คือชุดคำสั่งทางคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อเงื่อนไขครบถ้วนตามที่กำหนด พอนำมาประยุกต์ใช้กับ Blockchain ที่โดนเด่นด้านความปลอดภัย โปร่งใส และเชื่อถือได้ จึงเป็นการปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ ให้กับ Blockchain ตั้งแต่เรื่องของการซื้อขาย การระดมทุน การยืนยันตัวตน และคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมายที่จินตนาการของมนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาได้

ถ้านักลงทุนได้อ่านบทความข้างต้นกันไปแล้ว แน่นอนว่าในอนาคต Smart Contract น่าจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ และเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันผู้คนได้ไม่ยาก อีกทั้งยังช่วยลดการทำงานเอกสารของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคำถามว่าหากเกิดการรันโค้ดผิดพลาด หรือโค้ดถูกทำลาย (ซึ่งมันใช้คำสั่งทำลายได้) เราจะฟ้องร้องกับใคร? ดังนั้นสัญญาอัจฉริยะจึงเป็นเทคโนโลยีที่ยังคงต้องถูกพัฒนาต่อ เพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

“การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง มุมมองและความคิดเห็นจากผู้เขียนมีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ข้อมูลเท่านั้น การลงทุนใด ๆ ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ควรศึกษาข้อมูลให้แม่นยำก่อนลงทุน และสุดท้ายนี้ผู้เขียนหวังว่าบทความดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ”

**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

รับฟรีทันที! เงินเสมือนจริง $50,000 เพื่อฝึกฝนการเทรดกับ Mitrade!