เวลาเปิด-ปิดและเวลาซื้อขายตลาดหุ้นอเมริกาล่าสุด ปี 2566

Table of Contents
ตลาดหุ้นอเมริกาคืออะไร? มีอะไรบ้าง
- ตลาดหุ้นอเมริกาคืออะไร?
ตลาดหุ้นอเมริกา คือ ศูนย์กลางในการซื้อขายหุ้น หรือที่เรียกว่า “ตราสารทุน” ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา (ตลาดหลักทรัพย์) ซึ่งก็เหมือนกับตลาดหุ้นแห่งประเทศไทยของบ้านเรา ที่รู้จักกันดีในชื่อ “SET” แต่ตลาดหุ้นอเมริกาจะมีตราสารทางการเงินให้เลือกลงทุนได้มากกว่านั่นเองค่ะ
ในสหรัฐฯ จะมีตลาดหุ้นหลักถึง 2 แห่ง ซึ่งทั้งสองแห่งยังเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) และตลาดแนสแด็ก (Nasdaq Stock Exchange) จะเห็นได้ว่าเวลานักลงทุนพูดคำว่า ตลาดหุ้นอเมริกา ก็มักความหมายรวมทั้ง 2 ตลาดหลักดังกล่าว
- ตลาดหุ้นอเมริกามีอะไรบ้าง?
เราพอทราบคร่าว ๆ แล้วว่า บริษัทระดับโลกส่วนใหญ่ก็จดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา โดยมี 2 ตลาดหุ้น หลัก ๆ ได้แก่ New York และ Nasdaq แต่หากพูดถึงดัชนีที่ได้รับความนิยมในตลาดหุ้นอเมริกา จะมีอยู่ 3 ดัชนีหลัก ๆ ได้แก่
- ดัชนี S&P 500 (SP500): เป็นดัชนีนี้วัดมูลค่าของบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุด 500 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และถือกันว่าดัชนีที่เป็นภาพแทนที่ดีที่สุดเวลาประเมินภาพรวมของตลาดหุ้นอเมริกาโดยรวม
- ดัชนี Nasdaq 100 (NQ100): อเมริกามีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ เป็นตลาดที่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก และส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของทั้งตลาดได้ จึงได้มีการพัฒนาดัชนี NASDAQ 100 ซึ่งวัดเฉพาะแค่มูลค่าของบริษัทจดทะเบียน 100 บริษัทที่เป็นบริษัทในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้น หากจะดูแค่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ให้เราพิจารณาแค่ดัชนี NASDAQ 100 ก็เพียงพอแล้ว
- ดัชนี Dow Jones 30 (DJI30): ดัชนีดาวโจนส์ ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับ ดาวโจนส์ 30 มีแนวคิดคล้าย ๆ S&P500 แต่จะวัดมูลค่าเฉพาะ 30 บริษัทที่ประเมินแล้วว่าเป็น 30 บริษัทที่สำคัญของเศรษฐกิจอเมริกา ถ้า S&P500 สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นอเมริกา ตัวดัชนี DJI30 ก็เป็นภาพที่สะท้อนหัวใจของเศรษฐกิจอเมริกา
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอเมริกายังมีตลาดเฉพาะทาง ที่เป็นตลาดทางการเงินเพื่อสนับสนุนเครื่องมือเพิ่มเติมหรือตราสารอนุพันธ์ หรือตราสารที่มีความซับซ้อนอื่น เช่น AMEX จะเป็นตลาดสำหรับซื้อขายกองทุน ETF โดยเฉพาะ หรือตลาด CBOE, CBOT และ CME ที่ถือเป็นศูนย์กลางในการเทรดฟิวเจอร์สอีกด้วย
ข้อสังเกตสำคัญก็คือ ดัชนี Dow Jones จะได้มาจากการคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาหุ้น หุ้นที่ราคาสูง จึงมีอิทธิพลต่อดัชนีมากกว่าปกติ ต่างจากดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ที่คำนวณมาการถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดของบริษัท ในมุมมองของนักลงทุน ดัชนี S&P 500 จึงได้รับการยอมรับให้เป็นตัวแทนของตลาดการลงทุนของสหรัฐอเมริกาที่ดีที่สุด เนื่องจากครอบคลุมหุ้นจากหลากหลายบริษัทและอุตสาหกรรม
- ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (United States Stock Exchanges): เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายหุ้น หรือที่เรียกว่า “ตราสารทุน” ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา (ตลาดหลักทรัพย์)
- ตลาดหลักทรัพย์หลักของสหรัฐฯ (Major Stock Exchanges in the US): มีอยู่ 2 ตลาดหลัก ซึ่งได้แก่
New York Stock Exchange (NYSE): ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เป็นตลาดหลักทรัพย์ ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ก่อตั้งขึ้นในปี 1790 และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2550 ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้รวมเข้ากับตลาดหลักทรัพย์ของยุโรปที่เรียกว่า Euronext เพื่อสร้าง NYSE Euronext การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก บริษัทจะต้องมีผู้ถือหุ้น 400 รายและจำนวนหุ้นคงค้าง 1.1 ล้านหุ้น
National Association of Securities Dealers Automated Quotation System (Nasdaq): โดย NYSE เป็นตลาดที่มีมาอยู่ก่อน ในขณะที่ Nasdaq ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทขนาดเล็ก ไม่สามารถจดทะเบียนใน NYSE ได้ ซึ่งในขณะนั้นก็เต็มไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น Microsoft, Apple, Facebook และปัจจุบันค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนที่ต่ำกว่า NYSE อีกด้วย
- ข้อมูลการแลกเปลี่ยนในสหรัฐฯ เพิ่มเติม (Additional Exchanges in the US): ตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่งที่เปิดดำเนินการในสหรัฐอเมริกา เช่น
- American Stock Exchange (AMEX)
- NYSE Arca (NYSE ARCA)
- Boston Stock Exchange (BSE)
- Chicago Board Options Exchange (CBOE)
- Chicago Board of Trade (CBOT)
- Chicago Mercantile Exchange (CME)
- Chicago Stock Exchange (CHX)
- International Securities Exchange (ISE)
- Miami Stock Exchange (MS4X)
- National Stock Exchange (NSX)
- Philadelphia Stock Exchange (PHLX)
ตลาดหุ้นอเมริกาในไทยเปิดกี่โมง? เวลาเปิด-ปิดตลาดหุ้นอเมริกา
- ตลาดหุ้นอเมริกาเปิด 7.00 PM หรือ 1 ทุ่มตลาดเวลาประเทศไทย
- ปิด 3.00 AM หรือ ตี 3 ตามเวลาประเทศไทย (เช้าวันใหม่)
หุ้นอเมริกาช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว
อีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรจะทราบคือ ในสหรัฐอเมริกาจะมีช่วงออมแสงแดด (Daylight Saving Time) โดยเฉพาะในรัฐนิวยอร์กที่จะปรับเวลาสองช่วงในทุกปี ตั้งแต่ 14 มีนาคม ซึ่งจะปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงและ ตั้งแต่ 7 พฤศจิกายนจะปรับเวลาให้ช้าลง 1 หนึ่งช่วงโมง หากนักลงทุนในประเทศไทยต้องการเทรดตามตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ควรปรับเช็คเวลาอยู่เสมอเพื่อที่การเทรดจะได้ราบรื่น
เริ่ม | สิ้นสุด | |
ฤดูร้อน | วันอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคม | วันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน |
ฤดูหนาว | วันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน | วันอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคมของปีถัดไป |
ตารางต่อไปนี้ได้ใส่ข้อมูลชั่วโมงการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์หลัก 3 แห่งของสหรัฐในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนตามเวลาไต้หวัน
แลกเปลี่ยน | ชั่วโมงการทำธุรกรรม | เวลาท้องถิ่นของไต้หวัน (เวลาฤดูร้อน) | เวลาท้องถิ่นของไต้หวัน (เวลาฤดูหนาว) |
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก | 9:30-16:00 น. | 21:30-4:00 น. | 22:30-05:00 น. |
4:00-9:30 น. (ก่อนเปิดตลาด) | 16:00-21:30 น. | 17:00-22:30 น. | |
16:00-20:00 น. (นอกเวลาทำการ) | 4:00-8:00 น. | 5:00-9:00 น. | |
ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก | 9:30-16:00 น. | 21:30-4:00 น. | 22:30-05:00 น. |
4:00-9:30 น. (ก่อนเปิดตลาด) | 16:30-21:30 น. | 17:00-22:30 น. | |
16:00-20:00 น. (นอกเวลาทำการ) | 4:00-8:00 น. | 5:00-9:00 น. | |
ตลาดหลักทรัพย์อเมริกัน | 9:30-16:00 น. | 21:30-4:00 น. | 22:30-05:00 น. |
4:00-9:30 น. (ก่อนเปิดตลาด) | 16:30-21:30 น. | 17:00-22:30 น. | |
16:00-20:00 น. (นอกเวลาทำการ) | 4:00-8:00 น. | 5:00-9:00 น. |
ตลาดหุ้นอเมริกาปิดเมื่อไหร่?
โดยทั่วไปตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาจะเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ หยุดทำการทุกวันเสาร์และอาทิตย์ รวมถึงวันหยุดประจำปี ดังต่อไปนี้
วันที่ | งานเทศกาล |
1 มกราคม | วันขึ้นปีใหม่ |
18 มกราคม | วันคล้ายวันเกิด Martin Luther King, Jr. |
15 กุมภาพันธ์ | วันคล้ายวันเกิดอดีตประธานาธิบดีวอชิงตัน(Washington’s Day) |
2 เมษายน | วันศุกร์ก่อนวันอีสเตอร์(Good Friday) |
31 พฤษภาคม | วันระลึกทหารผ่านศึก(Memorial Day) |
5 กรกฎาคม | วันชาติอเมริกา(Independence Day) |
6 กันยายน | วันแรงงาน |
11 ตุลาคม | วันโคลัมบัส |
11 พฤศจิกายน | วันทหารผ่านศึก |
25 พฤศจิกายน | วันขอบคุณพระเจ้า |
26 พฤศจิกายน | วันหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า ตลาดจะปิดเร็วกว่าสามชั่วโมง |
24 ธันวาคม | คริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve) |
เวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้นทั่วโลก
สรุปเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้นทั่วโลก มาให้เห็นภาพง่าย ๆ โดยอิงตาม Time Zone ประเทศไทย
ตลาดหุ้นทั่วโลก | เวลาทำการ |
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดัชนีสำคัญ Nikkei 225 | 7:00 – 13:00 น. |
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดัชนีสำคัญ KOSPI, CNSK | 7:00 – 13:30 น. |
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงดัชนีสำคัญ CSI 300, HangSeng | 8:30 – 15:00 น. |
ตลาดหุ้นไทยดัชนีสำคัญ SET, mai | 10:00 – 16:30 น. |
ตลาดหุ้นอินเดียดัชนีสำคัญ NIFTY 50 | 10:30 – 17:00 น. |
ตลาดหุ้นยุโรปดัชนีสำคัญ DAX, FTSE100, CAC40 | 14:00 – 22:30 น. (ช่วงหน้าหนาว พ.ย. – ก.พ. จะขยับเวลาเทรดช้าไป 1 ชั่วโมง) |
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาดัชนีสำคัญ Dow30, S&P500, Nasdaq | 21:30 – 04:00 น. (ช่วงหน้าหนาว ธ.ค. – ก.พ. จะขยับเวลาเทรดช้าไป 1 ชั่วโมง) |
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอเมริกา
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้นอเมริกา ดังนี้
◆ เศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นอเมริกา (รวมถึงตลาดประเทศอื่น ๆ ด้วย) ราคามักจะขยับสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต เนื่องจากมีการจ้างงานที่สูงขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มากขึ้น และผลกำไรของบริษัทต่าง ๆ สูงขึ้น เมื่อบริษัทเริ่มทำกำไรได้มากขึ้น นักลงทุนมักจะซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยผลักดันตลาดหุ้นโดยรวม ดังนั้น นักลงทุนจึงให้ความสนใจกับข้อมูลทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ เช่น
- ตัวเลขการจ้างงาน
- นโยบายธนาคารกลางเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
- รายงานเงินเฟ้อ
- ตัวเลขยอดขายปลีกและการใช้จ่ายของผู้บริโภค และอื่น ๆ
◆ การเมือง
อีกประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นอเมริกา คือผลกระทบของการเมืองที่มีต่อตลาด นโยบายทางการเมืองที่ผันผวนที่จะทำให้เกิดการชะลอการลงทุนออกไปก่อน หรือตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้น คือการที่ผู้นำสหรัฐฯ สั่ง Shutdown ทำให้ระบบราชการทำงานไม่ได้ จึงเกิดการเทขายหุ้นจากนักลงทุนเพื่อดูสถานการณ์
และการกำหนดนโยบายทางด้านภาษี การควบคุมการใช้จ่ายต่าง ๆ อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นอเมริกา ที่ชัดที่สุดคือช่วงฤดูกาลเลือกตั้ง ซึ่งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะขายนโยบายของตนให้กับธุรกิจขนาดใหญ่และผู้บริโภค
เมื่อเรียนรู้วิธีซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนควรมองหาแนวโน้มจากตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ อยู่เสมอด้วยนะคะ เพราะไม่เพียงมีแค่หนึ่งปัจจัยที่ทำให้ส่งผลต่อราคาหุ้น เราจะเห็นได้ว่าความคาดหวังต่าง ๆ เมื่อถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ จะส่งผลต่อวิธีที่ผู้คนทำการซื้อขายในตลาด
วันหยุดตลาดหุ้นประจำปี 2566
ปฏิทินวันหยุดตลาดหุ้นไทยประจำปี 2566
วันหยุดทำการซื้อขายประจำปี 2566
มกราคม | วันจันทร์ | 2 | ชดเชยวันสิ้นปีและวันขึ้นปีใหม่ (วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2565 และวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566) |
มีนาคม | วันจันทร์ | 6 | วันมาฆบูชา |
เมษายน | วันพฤหัสบดี | 6 | วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ |
วันพฤหัสบดี | 13 | วันสงกรานต์ | |
วันศุกร์ | 14 | วันสงกรานต์ | |
พฤษภาคม | วันจันทร์ | 1 | วันแรงงานแห่งชาติ |
วันพฤหัสบดี | 4 | วันฉัตรมงคล | |
มิถุนายน | วันจันทร์ | 5 | ชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และวันวิสาขบูชา (วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566) |
กรกฎาคม | วันศุกร์ | 28 | วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว |
สิงหาคม | วันอังคาร | 1 | วันอาสาฬหบูชา |
วันจันทร์ | 14 | ชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ (วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566) | |
ตุลาคม | วันศุกร์ | 13 | วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร |
วันจันทร์ | 23 | วันปิยมหาราช | |
ธันวาคม | วันอังคาร | 5 | วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ |
วันจันทร์ | ชดเชยวันรัฐธรรมนูญ (วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2566) |
สรุป
ตลาดหุ้นอเมริกา ถือว่าเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายหุ้นที่ยอดนิยม และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักลงทุน เนื่องจากส่วนมากมีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Facebook และ Google ซึ่งเรื่องมูลค่านั้น มหาศาล อย่างแน่นอน ส่วนนี้แหละจึงเป็นสิ่งดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาศึกษาเกี่ยวกับตลาดหุ้นอเมริกากันมากขึ้น
อีกทั้งตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย เช่น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจ ก็จะมีผลต่อการกำหนดนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อประเทศไทย หรือเมื่อประเทศคู่ค้าของไทยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ก็จะส่งผลต่อประเทศไทยเช่นกัน
ดังนั้นการซื้อหุ้นต่างประเทศนอกจากจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากบริษัทชั้นนำของโลกแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เราได้พบเจอหุ้นใหม่ ๆ ที่ในไทยยังไม่มีอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีทีเดียวหากใครคิดจะลงทุนหุ้นต่างประเทศอีกด้วยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเดิม>>>
ตลาดหุ้นเปิดปิดกี่โมง และวันหยุดตลาดหุ้นประจำปี 2564 และ 2565
วิธีดูกราฟหุ้นสำหรับมือใหม่ วิเคราะห์กราฟหุ้นยังไง?
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น โบรกไหนค่าคอมถูกสุด
ควรซื้อหุ้น Tesla หรือไม่? ซื้อหุ้น Tesla โดยค่าคอมมิชชั่น 0%
ROA คือ อะไร? ค่า ROA กับ ค่า ROE แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
DCA คือ อะไร? การออมหุ้น (DCA: Dollar-Cost Averaging) คืออะไร?
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น