DCA คือ อะไร? การออมหุ้น (DCA: Dollar-Cost Averaging) คืออะไร?

Table of Contents
DCA คืออะไร?
DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost- Averaging คืออีกรูปแบบหนึ่งของการลงทุน ซึ่งจะลงทุนออมหุ้นอย่างสม่ำเสมอในสินทรัพย์ที่เราเลือกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนก็ตาม เป็นจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกครั้ง ในระยะเวลาหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
เช่น ลงทุนทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน หรือ ลงทุนในช่วงต้นเดือนหลังจากเงินเดือนออก โดยให้ระบบหักเงินไปซื้อหุ้นหรือกองทุนจำนวน 1,000 บาท โดยไม่สนใจว่าราคาจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเดือนไหน ราคาหุ้นสูงขึ้นเราก็ซื้อได้จำนวนน้อยลง ถ้าราคาหุ้นลดลงเราก็ซื้อได้จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสร้างวินัยในการออม และการลงทุนโดยไม่คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์ลงทุนที่เลือกไว้ว่าราคาเท่าไหร่
โดยปกติแล้วความถี่ของการ DCA ของหลาย ๆ คนมักจะอยู่ที่รายเดือน เป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมที่ใช้สร้างวินัยการลงทุนกัน โดยไม่มีการจับจังหวะตลาดและราคาของสินทรัพย์ จึงเป็นวิธีการลงทุนที่ทำได้ง่าย
การ DCA ส่วนมากจะเหมาะกับมนุษย์เงินเดือน เหตุผลคือ มนุษย์เงินเดือนจะมีรายได้ประจำทำให้สามารถจัดการเงินออมได้ดีกว่าอาชีพอิสระ จึงสามารถนำเงินส่วนหนึ่ง อาจเดือนละ 1,000-5,000 บาทมาสะสมในทรัยพ์สินเพื่อเป็นทุนในอนคตข้างหน้า
DCA อาจจะไม่ใช่วิธีที่ทำให้เราได้ผลตอบแทนดีที่สุดแต่เป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถใช้วินัยและความอดทนเพื่อสะสมทรัพย์สินได้ โดยได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในระยะยาว
ข้อดีข้อเสียของการทำ DCA
ข้อดีของ “DCA”
1. ทุนน้อยก็สามารถลงทุนได้ สามารถเริ่มลงทุนได้ด้วยการแบ่งรายได้ในแต่ละเดือนมาใช้ลงทุนเป็นประจำ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่อาจจะมีทุนเริ่มต้นไม่มากแต่ต้องออมเงินเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินไว้เฉย ๆ ด้วยการสะสมหุ้นเพื่อให้เงินทำงาน ไม่ต้องใช้เวลาติดตามข่าวสารการลงทุนมากนัก
2. หมดความกังวลกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ๆ ในเรื่องราคาที่สะสมว่าถูกหรือแพงเกินไป
3. ได้ผลตอบแทนดีกว่าในช่วงราคาหุ้นขาลง เพราะใช้เงินลงทุนเท่าเดิม แต่ได้จำนวนหุ้นมากขึ้น และช่วยลดการขาดทุนหนัก ๆ ได้หากราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง
4. เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการลงทุนหรือวิเคราะห์ตลาดก็สามารถนำไปใช้ได้
5. ไม่จำเป็นต้องเตรียมเงินลงทุนก้อนใหญ่ในครั้งเดียว แต่สามารถใช้กระแสเงินสดที่มีแบ่งเข้ามาลงทุนได้ ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากในแต่ละครั้งจึงค่อนข้างเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการออมเงินในระยะยาว
ข้อจำกัดของ “DCA”
กลยุทธ์หุ้น DCA ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างที่ทำให้นักลงทุนต้องจบลงด้วยผลขาดทุน หากนักลงทุนเลือก DCA ในหุ้นที่ไม่มีอนาคตและแนวโน้มราคาปรับลงทำจุดต่ำสุดใหม่ตลอด แม้จะใช้กลยุทธ์การเฉลี่ยต้นทุนแบบ DCA ก็ยังทำให้นักลงทุนต้องเผชิญผลขาดทุนได้เหมือนกัน
1. ต้นทุนที่ได้จะเป็น ต้นทุนเฉลี่ย ทั้งจากช่วงที่ราคาสูงและราคาต่ำ ในระยะสั้นอาจมีต้นทุนเฉลี่ยที่สูงกว่าราคาตลาดของสินทรัพย์ลงทุนนั้น ๆ ได้
2. DCA ไม่ได้ลดความผันผวนของมูลค่าพอร์ตลงทุนโดยรวม ถ้าจัดพอร์ตลงทุนเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น หุ้น ทองคำ พอร์ตลงทุนโดยรวมยังคงได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาด
3. DCA ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบลงทุนแบบจับจังหวะเวลา
หุ้น DCA ตัวไหนน่าลงทุน ดูจากอะไร?
ก่อนอื่นต้องดูกันก่อนว่าหุ้นลักษณะแบบไหนที่ควรพิจารณามาลงทุนแบบ DCA เพราะโดยส่วนมากการลงทุนแบบ DCA ผู้ลงทุนต้องตั้งเป้าหมายการออมหุ้นรายเดือน รายสัปดาห์ หรือราย Quater หากเลือกหุ้นผิด ก็จะทำให้ไม่ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายหรืออาจขาดทุนได้ เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อหุ้นมา DCA จึงต้องเป็นหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
- ธุรกิจต้องมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะจะช่วยให้เลือกหุ้นที่มีความแข็งแกร่งแลสามารถดำเนินการอยู่ในอุตสาหกรรมได้ในระยะยาว
- กิจการเติบโตต่อเนื่อง หุ้นต้องสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในเทรนด์อนาคต ไม่มีแนวโน้มที่จะถูก Disrupt ไปง่าย ๆ เช่น ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่าง ธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โรงพยาบาลหรือธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ
- มีกำไรอย่างสม่ำเสมอในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน กำไรของบริษัทเปรียบเป็นเครื่องสะท้อนความสามารถในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่มีพื้นฐานดีควรมีกำไรที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง
- หนี้สินไม่เยอะ เป็นสิ่งที่ควรระวัง การมีหนี้ระยะยาวมากเกินไป อาจทำให้บริษัทมีปัญหาเรื่องการชำระหนี้ และเกิดปัญหาต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หากวันใดขาดสภาพคล่อง และไม่สามารถชำระหนี้ได้ จะเกิดปัญหาทันที
- กำไรสะสมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทและอนาคตที่มีความมั่นคง
- ควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้ดี ต้นทุนจะส่งผลโดยตรงต่อกำไรของธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ดี
ทยอยลงทุนทุกๆ เดือน (DCA) ดียังไง ?
DCA | ราคาหุ้น | เงินซื้อเฉลี่ยทุกเดือน | จำนวนหุ้นที่ได้ |
---|---|---|---|
เดือนที่ 1 | 10 | 3,000 | 300 |
เดือนที่ 2 | 8 | 3,000 | 375 |
เดือนที่ 3 | 12 | 3,000 | 250 |
เดือนที่ 4 | 7 | 3,000 | 428.57 |
เดือนที่ 5 | 6 | 3,000 | 500 |
เดือนที่ 6 | 8 | 3,000 | 375 |
เดือนที่ 7 | 9 | 3,000 | 333.33 |
เดือนที่ 8 | 11 | 3,000 | 272.73 |
เดือนที่ 9 | 11 | 3,000 | 272.73 |
เดือนที่ 10 | 10 | 3,000 | 300 |
เดือนที่ 11 | 9 | 3,000 | 333.33 |
เดือนที่ 12 | 15 | 3,000 | 200 |
ราคาเฉลี่ย | 9.67 | 36,000 | 3,940.69 |
จากตารางจะเห็นว่าหากราคาหุ้นที่เราต้องการซื้อเฉลี่ยแกว่งตัวอยู่ในช่วง 6-15 บาท ถ้าเราตัดซื้อเฉลี่ยทุกเดือน เดือนละ 3,000 บาท เราจะได้ต้นทุน 9.67 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคาหุ้นในเดือน 12 ที่ปิดไป 15 บาทต่อหุ้น โดยเราจะได้จำนวนหุ้น 3,900 หุ้น และใช้เงินไป 36,000 บาท หากเราซื้อหุ้นทีเดียวเมื่อสิ้นปีที่ราคา 15 บาทต่อหุ้น ด้วยเงินจำนวน 36,000 บาทเช่นกัน เราจะได้หุ้นเพียง 2,400 หุ้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าน้อยกว่าวิธีที่เราซื้อเฉลี่ยด้วยแนวทาง DCA
ทำไม”ซื้อหุ้นแบบ DCA” ทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ?
1. ต้องเข้าใจก่อนว่าการ DCA ซื้อหุ้นทุกเดือนคืออะไร
การ DCA ซื้อหุ้นทุก ๆ เดือน คือ การที่นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นตัวเดียวกันทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน แต่แนะนำว่าให้ลงทุนในทุกเดือนจะดีกว่า เพราะผลตอบแทนออกมาไม่ต่างกัน เพื่อลดความวุ่นวายที่นักลงทุนต้องมาซื้อหุ้นในทุกวัน
โดยวิธีการ คือ จะแบ่งเป็นงวด ๆ เท่ากัน ไม่สนใจราคาว่าจะเป็นเท่าไหร่ เช่น ออมเดือนละ 100 หุ้น หรือจะกำหนดตามวงเงิน 3,000-5,000 บาท ตามที่เราวางแผนไว้
2. ทำการศึกษาให้เข้าใจ เพื่อเลือกว่าเราจะซื้อหุ้นตัวไหน
กฎเหล็กของการซื้อหุ้นแบบ DCA คือ เราต้องมั่นใจว่าเราต้องซื้อหุ้นระยะยาวที่เป็นแนวโน้มเป็นขาขึ้น ห้าม DCA หุ้นเป็นขาลงเด็ดขาด อย่างที่เรารู้กันเป็นอย่างดีว่าหุ้นระยะสั้น มีความผันผวนสูง แล้วพอเวลาผ่านไประยะยาว หุ้นจะสามารถเติบโตได้ดี
3. เปิดบัญชีให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา
แท้จริงแล้วบัญชีหุ้นไม่ได้มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ สำหรับนักลงทุนมือใหม่แนะนำ ให้เน้นดูว่า ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ก็ใช้ได้แล้ว
4. ต้องมีวินัยในการลงทุน
การซื้อหุ้นด้วยการ DCA สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ วินัยในการลงทุน ในเวลาที่เราเห็นตลาดขึ้น บางคนอาจไม่กล้าซื้อ คิดว่าเดี๋ยวต้นทุนของเราจะสูงขึ้น หรือบางคนมีความคิดว่ารอหุ้นลงอีกหน่อยค่อยซื้อแล้วกัน
จริง ๆ แล้วถ้าเราตัดเรื่องอารมณ์ออกไป จะทำให้เรากล้าซื้อหุ้นไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ทำให้เราไม่เสียโอกาส เพราะในระยะสั้นหุ้นจะวิ่งตามแรงซื้อและแรงขายอยู่แล้ว แต่ในระยะยาวหุ้นจะวิ่งตามมูลค่า
5. ต้องตรวจสอบหุ้นที่เราออมเมื่อประกาศงบทุกไตรมาส
ทุก 3 เดือน (ไตรมาส) เราต้องดูว่าหุ้นที่เราซื้อไป ผลประกอบการเป็นไปตามคาดหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ก็สามารถ DCA ได้สบาย แต่ถ้าแย่ก็ต้องดูว่าเป็นเพราะผลกระทบระยะสั้นหรือระยะยาว ถ้าระยะสั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าระยะยาวอาจจะต้องเปลี่ยนหุ้นที่เรา DCA
ในระยะแรกอาจจะดูงบแล้วงง ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าจะเปรียบเทียบ ต้องเปรียบเทียบกับงบไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ห้ามเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว เพราะเป็นธรรมชาติของธุรกิจ บางเดือนยอดขายดีบางเดือนยอดขายแย่เป็นธรรมดา
เปิดบัญชีออมหุ้น DCA ที่ไหนดี 2022
โบรกเกอร์ | เงินลงทุนขั้นต่ำ (บาท) | นโยบายการลงทุน | ค่าธรรมเนียม* |
---|---|---|---|
SCBS | 2,000 | SET100 | 0.25% |
SBI | 1,000 | SET100 | 0.075% |
Phillip | 1,000 | หุ้น 30 ตัวจากนักวิเคราะห์ | 0.25% |
KS | 5,000 | SET100 | 0.15% |
Nomura | 1,000 | SETHD, SET100 | 0.15-0.25% |
KTBS | 1,000 | SET, mai | 0.25% |
Bualuang | 10,000 | SET100, BMSCITH, BSET100 | 0.30% |
Maybank Kim Eng | 5,000 | SET50, SET100 | 0.15% |
KSS | 2,000 | SET100 | 0.15% |
*ค่าธรรมเนียมยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่นของตลาดหลักทรัพย์และ 7%VAT
1. บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS)
- ออมหุ้นขั้นต่ำ 2,000 บาท
- ช่องทางการลงทุน Settrade Streaming เมนู Settrade DCA Order
- เงื่อนไขการออม มีทั้งรายเดือน / รายสัปดาห์
- นโยบายการลงทุน SET 100 ,TDEX และ BMSCITH
- ค่าธรรมเนียม หากส่งคำสั่งเองผ่านอินเตอร์เน็ต 0.157% ของมูลค่าการซื้อขาย แต่หากส่งคำสั่งผ่านผู้ดูแลบัญชี 0.257% ของมูลค่าการซื้อขาย
- ลงทุนเริ่มต้น 2,000 บาท ลงทุนแบบรายเดือน เลือกหุ้นได้จาก SET100, TDEX, BMSCITH ซื้อหุ้น 100 ตัว (Board Lot) ค่าธรรมเนียม 0.157% หากซื้อผ่านอินเทอร์เนต หรือ 0.257% เมื่อซื้อผ่านโบรกเกอร์
2. บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด (SBI)
- โดยเริ่มออมหุ้นด้วยเงินเพียง 1,000 บาทขึ้นไป
- หุ้นในกลุ่ม SET 100 เท่านั้น สำหรับการออมหุ้นแบบ DCA
- ค่าคอมมิชชั่นยังคงอยู่ที่อัตราปกติ คือ 0.075% สำหรับบัญชี Cash Balance และ 0.010% สำหรับบัญชี Cash
3. บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (Phillip)
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท/เดือน
- นโยบายการลงทุน เลือกหุ้นที่่ต้องการลงทุน โดยเลือกจากลิสต์รายชื่อ 36 หุ้นแนะนำ (ฝ่ายวิเคราะห์จะ Review ทุก 6 เดือน) เลือกได้สูงสุด 20 ตัว
- กำหนดวันลงทุน ทุกวันที่ 5,20 และ 28 ของเดือน
- ค่าธรรมเนียม 0.257% ของจำนวนเงินที่ลงทุน ขั้นต่ำ 30 บาทต่อรอบการลงทุน (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
4. บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย (KS)
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท / Symbol/ครั้ง
- ช่องทางการลงทุน K-Cyber Trade, Settrade Streaming
- นโยบายการลงทุน ซื้อหุ้นที่อยู่ใน SET 100 หรือ ETF
- เงื่อนไขการลงทุน มีทั้งรายเดือน / รายสัปดาห์
- ค่าธรรมเนียม สำหรับบัญชี Cash Balance 0.157% และบัญชี Cash Account 0.207% ไม่รวมค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ (ขั้นต่ำ 50 บาทต่อวัน)
6. บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (Nomura)
- จำนวนเงินลงทุน 1,000 บาท
- นโยบายการลงทุน SETHD และ หุ้นที่ CNS ประกาศ (AOT, BDMS, BH, BTS, BJC, CPALL, CPN, GLOBAL, BEM, CPF, HMPRO, KTC)
- เงื่อนไขการลงทุน ออมทุกเดือน วันทำการแรกของเดือน
- ค่าธรรเมนียม 0.25% ไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่นและ VAT
7. บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBS)
- ออมหุ้น เริ่มต้น 1,000 บาท KTBST smart DCA
- ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
- นโยบายการลงทุน SET, mai
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.25%
8. บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง (Bualuang)
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท/เดือน
- นโยบายการรลงทุนใน BMSCITH* ซึ่งเสมือนเป็นการถือครองหลักทรัพย์ทุกตัวในดัชนี MSCI Thailand และ BSET100* ซึ่งเสมือนการถือครองบริษัทขนาดใหญ่ 100 บริษัท, E1VFVN3001* ซึ่งเสมือนลงทุนในหลักทรัพย์เวียดนาม ด้วยระบบตัดเงินเป็นรายเดือน
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Commission Rate) อยู่ที่ 0.30%
- ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาการลงทุน ราย 2 ปี โดยชำระเดือนแรกของรอบการลงทุน (เงินลงทุนต่อเดือน + 1,070 บาท)
9. Maybank Kim Eng
- ออมหุ้น DCA กับ บล. Maybank Kimeng
- ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
- นโยบายการลงทุน SET50 / SET 100
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.15%
10. บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS)
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท
- นโยบายการลงทุน หุ้นใน SET 100
- เงื่อนไขการลงทุน รายเดือน / รายสัปดาห์
- สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการรับเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาทต่อบัญชีต่อวัน
7 หุ้น DCA แนะนำ สำหรับ มือใหม่หัดออม
1. หุ้น EGCO
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าเลือกหุ้นมาลงทุน โดยประกอบธุรกิจด้านการลงทุน โดยการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ที่ประกอบธุรกิจ อาทิเช่น ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในฐานะรายใหญ่ (IPP) และรายเล็ก (SPP) รวมถึงธุรกิจการให้บริการด้านเทคนิคการจัดการแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ หุ้น EGCO ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนหลายคนนำมาใส่ไว้ในรายชื่อบัญชีออมหุ้น เพราะธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน โรงไฟฟ้า มีความสามารถในการเติบโตได้สูง
2. หุ้น MEGA
หุ้น MEGA หรือ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภค ชั้นนำระดับโลก ใครที่ทานวิตามินหรืออาหารเสริมน่าจะรู้จักบริษัทนี้ดี ปัจจุบันยังได้ จำหน่ายสินค้าไปยังประเทศพม่า เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว
3. หุ้น AOT
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT หุ้นในกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ AOT หรือ ทอท. ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย ประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ การจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน โดยมีท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ท่าอากาศยานหลักของประเทศ) ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งนี้ ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ
4. หุ้น ADVANC
หุ้นในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมากในอนาคต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมต่าง ๆ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ได้แก่ เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส
5. หุ้น KBANK
ไม่มีใครไม่รู้จักหุ้นธนาคารยักษ์ใหญ่ของไทยอย่าง KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตามที่ได้รับอนุญาต ซึ่ง ธนาคาร กสิกรไทย เป็นหนึ่งในธนาคารที่ลงทุนและพัฒนาระบบ เทคโนโลยีทางการเงินและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ทันยุคสมัยและเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปและเติบโตอย่างต่อเนื่องไปในอนาคต
6. หุ้น MINT
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ให้บริการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ซึ่งแม้ว่าในช่วยโควิด 19 นี้ ธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ก็มีนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ธุรกิจโรงแรมจะกลับมาเติบโตเป็นอย่างมากอีกครั้ง นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย และธุรกิจบันเทิงและธุรกิจจัดจำหน่ายอื่น ๆ ด้วย
7. หุ้น BDMS
ธุรกิจในเทรนด์สุขภาพ ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต หุ้น BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) เป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศไทย และยังมีโรงพยาบาลเครือข่ายอยู่ในประเทศกัมพูชาด้วย โรงพยาบาลในเครือ BDMS ที่ทุกคนรู้จักกันดีเช่น กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช เป็นต้น นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจอื่น ๆ ที่สนับสนุนทางด้านการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตยาและธุรกิจผลิตน้ำเกลือ เป็นต้น
ดังนั้น หากเราเลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นประจำ การทยอยสะสมหุ้นนั้น ไปเรื่อย ๆ จะทำให้ได้รับกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นรายได้ส่วนเพิ่ม (Passive Income) ซึ่งสามารถนำไปสร้างประโยชน์และความสุขให้กับชีวิตได้ นั่นเอง
เทรดหุ้นด้วย CFD ที่ช่วยขยายกำไรด้วยเงินทุนต่ำ
CFD ย่อมาจากสัญญาส่วนต่าง (Contract for Difference) ซึ่งเป็นตราสารการเทรดประเภทหนึ่งและเป็นวิธียอดนิยมที่นักลงทุนใช้เข้าเทรดในตลาดเงิน เหมาะกับสำหรับผู้ที่มีความคาดหวังว่าจะเก็งกำในระยะสั้นด้วยเงินทุนไม่มากและรับความเสี่ยงที่สูงได้ และถ้าหากคิดจะทำกำไรจากการออมหุ้น DCA ก็มีวิธีการง่าย ๆ คือการซื้อให้ถูกและขายให้แพง ด้วยเครื่องมืออย่าง CFD เป็นหนึ่งในเครื่องมือการซื้อขายที่ยืดหยุ่นที่สุด ที่จะมาช่วยในการขยายขอบเขตการทำกำไรให้กับเทรดเดอร์นั่นเอง สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และตลอด 5 วันทำการต่อสัปดาห์
ตัวอย่างเช่นการเทรดหุ้นกับโบรกเกอร์ MiTrade
การเทรดหุ้น APPL ด้วย CFD จากโบรกเกอร์ MiTrade มีวิธีซื้อขายง่าย ๆ คือ เมื่อราคา APPL $136.63 ดอลล่าร์ หากมองว่าราคาหุ้นกำลังจะปรับตัวขึ้นไปอีกให้เปิดสถานะ Long เพื่อคาดหวังผลกำไรจากส่วนต่างราคาขาขึ้น และวางเงินลงทุนขั้นต่ำ $68.32 บนขนาดสัญญาขั้นต่ำ 10 Lots (ตัว) เมื่อราคาปรับตัวขึ้นไปก็ปิดสัญญาเพื่อรับรู้กำไร โดยหากปิดสถานะได้ที่ราคา $140.00 ก็จะได้กำไร $33.7 หรือกว่า 50% ด้วยการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเพียง 0.02% เท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม เรายังสามารถใช้ CFD ทำกำไรในทิศทางราคาขาลงได้ด้วย เช่น หาก APPL ราคา $136.63 และเรามองว่าราคายังปรับตัวลงไปได้อีก ให้เปิดสถานะ Short ด้วยขั้นต่ำของสัญญา 10 Lots และวางเงินลงทุน $68.32 หลังจากนั้นเมื่อราคาปรับลงไปตามที่ต้องการก็ปิดสถานะเพื่อรับรู้กำไรได้ด้วยวิธีเดียวกัน
เทรดแบบไม่มีเลเวอเรจ | เทรดด้วยเลเวอเรจ | เทรดด้วยเลเวอเรจ | |
---|---|---|---|
สถานะ Long | สถานะ Long | สถานะ Short | |
ราคาเปิด | $136.63 | $136.63 | $136.63 |
ราคาปิด | $140.00 | $140.00 | $133.00 |
ขนาดสัญญา | 1 ตัว | 1 ตัว | 1 ตัว |
ขนาดสัญญาต่ำสุด | 10 Lot | 10 Lot | 10 Lot |
เลเวอเรจ | 0 | 20 | 20 |
เงินทุนเริ่มต้น | $1366.3 | $68.32 | $68.32 |
กำไรที่ได้ | $33.70 | $33.70 | $36.30 |
อัตราผลตอบเทน | 2% | 50% | 50% |
ทำไมเราถึงต้องเทรดกับ Mitrade
- เงื่อนไขการซื้อขายขั้นต่ำ
- กำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
- แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่าย
- การสนับสนุนออนไลน์ระดับสูง
- ต้นทุนการทำธุรกรรมที่แข่งขันได้
- การป้องกันยอดคงเหลือติดลบ
ขั้นตอนที่ 1 การเปิดบัญชี
การเปิดบัญชี CFD กับ MiTrade มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพียงกรอกข้อมูลแบบฟอร์ม หรือเชื่อมต่อล็อกอิน ผ่าน บัญชี Google, Facebook เพียงไม่กี่นาทีบัญชีจะได้รับการยืนยันและพร้อมสำหรับการเข้าใช้งานแล้ว

ขั้นตอนที่ 2 โอนเงินเข้าบัญชี
หลังจากเปิดบัญชีได้เรียบร้อย ลูกค้าสามารถโอนเงินเข้าสู่บัญชีได้ทันทีผ่านช่องทางทั้งการโอนเงินผ่านธนาคารไทยออนไลน์และ QR Code หลังจากนั้นบัญชีก็พร้อมสำหรับการเทรดแล้ว

ขั้นตอนที่ 3 เปิดคำสั่งซื้อขาย
เปิดสถานะซื้อหรือสถานะขายตามความคาดการณ์โดยตั้งค่าปริมาณการซื้อขาย และยังสามารถกำหนดจุด take profit/stop loss/Trailing Stop Loss หรือตั้งคำสั่งซื้อขายกำจัดได้


ขั้นตอนที่ 4 ปิดคำสั่งซื้อขาย เพื่อรับกำไร/ขาดทุน
เมื่อราคาไปถึงที่เราคาดเอาไว้ สามารถปิดคำสั่งรับกำไรได้เลย

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ Mitrade ได้จัดบัญชีทดลองเทรดด้วยเงินเสมือนจริงฟรี $ 50,000 เพื่อเป็นการทดลอง
ฝึกฝนโดยไม่มีความเสี่ยงใด ๆ
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น