MetaTrader 4(MT4)คืออะไร? เข้าใจง่าย ๆ

ใครเข้ามาในวงการเทรดต้องรู้จัก ! ไม่ว่าจะเทรดหุ้น Forex ทองคำ น้ำมันก็ยังต้องใช้ เครื่องมือในตำนานที่ใช้งานง่ายที่สุด ครองใจชาวเทรดกว่า 15 ปี Metatrade 4 (MT4) คืออะไร ? ไปพบความมหัศจรรย์ของมันได้เลย !
Table of Contents
1.MetaTrader 4 (MT4) คืออะไร
ถ้าหากใครที่เคยเล่นหุ้น forex ทองคำ น้ำมัน หรือการเทรดต่าง ๆ คุณจะพบเลยว่าราคาของมันจะมีความเปลี่ยนแปลงในระดับที่เร็วมาก จนมนุษย์ไม่สามารถรับมือกับราคาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นถ้าหากเราอยากซื้อหรือขาย เราก็ต้องเลื่อนราคาขายไปอีกจุดหนึ่งแทน หรือไม่ก็ต้องรอคิวซื้อขาย ซึ่งในบางครั้งมันก็ไม่ทันใจ ใช้เวลานาน เกิดความล่าช้า เกิดความคลาดเคลื่อน และทำให้คุณได้กำไรที่น้อยลง หรืออาจจะขาดทุนด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้บริษัท MetaQuotes จึงได้สร้าง MetaTrader 4 (MT4) ขึ้นมา ซึ่งเป็นเครื่องมือการเทรดที่ลดกระบวนการที่ซับซ้อน ใช้งานง่าย เหมาะกับรายย่อยทั้งมือใหม่และมืออาชีพ และในยุคปัจจุบันนี้มีการเข้ามาของระบบ Bot หรือ AI ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ระบบเหล่านี้มีข้อได้เปรียบกว่าคนธรรมดามหาศาล ทำให้สามารถสร้างผลต่างทางกำไรได้มากเนื่องจากคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็วขึ้น ดังนั้นถ้าหากใครไม่ใช้โปรแกรมเทรดเดอร์ก็จะนับว่าเสียเปรียบมาก
ดังนั้น MetaTrader 4 (MT4) จึงเป็นแพล็ตฟอร์มการเทรดทางออนไลน์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีคนนิยมใช้เกินกว่า 10 ปี วิธีการใช้งานไม่ยุ่งยาก การออกแบบที่สวยงามสบายตา เข้าใจการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้สูง ซึ่งมีการออกแบบที่รองรับและตอบโจทย์เทรดเดอร์มืออาชีพ ที่สำคัญสามารถลดความแตกต่างต่อรายใหญ่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างบอทขึ้นมาเพื่อทดแทนการเทรดด้วยมนุษย์ จึงทำกำไรได้มากกว่า และขาดทุนน้อยลง
2.เหตุผลที่MetaTrader 4(MT4)ได้รับความนิยม
การเทรด ซื้อขายหุ้น Forex หรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเทรดด้วยวิธีเดิม ๆ ใช้กลุ่มคนเทรด มันสร้างข้อได้เปรียบที่น้อยมาก ถ้าหากเปรียบเทียบก็เหมือนเอานักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลกไปส่งของ ต่อให้นักวิ่งเร็วที่สุดแค่ไหน มันก็สร้างความแตกต่างไม่ได้มากเท่าที่ควร ในทางกลับกันถ้าเปลี่ยนไปใช้รถม้า รถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ในการส่งสินค้า เราจะสามารถส่งได้เร็วกว่า มีเครื่องมือหลากหลายกว่ามนุษย์หลายเท่า ความคุ้มค่าในการลงทุนก็มากกว่าหลายเท่า นั่นจึงมีการพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยให้การเทรดทำได้ง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรได้มากขึ้น แม้การไม่ใช้โปรแกรมเทรดจะยังคงสามารถทำกำไรได้ แต่ถ้าหากใช้โปรแกรมเทรด มันจะสร้างความแตกต่างได้มากหลายเท่าเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ MetaTrader 4 (MT4) จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดการลงทุนอย่างยิ่ง และแม้ว่าในยุคปัจจุบันจะมีโปรแกรมอื่นที่สามารถทดแทน MetaTrader 4 (MT4) ได้ หรือแม้แต่ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ MetaTrader 4 (MT4) มันก็ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนความนิยมของ MetaTrader 4 (MT4) ได้เลย เพราะโปรแกรมดังกล่าวเข้ามาตั้งแต่ยุคแรก ๆ และผู้ใช้งานกลุ่มแรกก็ยังคุ้นชินกับมันมากกว่า แม้แต่ในตำราสอนวิธีการเทรด โปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) ก็มักเป็นเครื่องในลำดับต้น ๆ ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวอย่างในการสอน
ต่อไปเราจะมาพูดถึงข้อดีข้อเสียของโปรแกรม MetaTrader 4 (MT4) ที่เป็นเครื่องมือการเทรดยอดนิยมในปัจจุบัน
ข้อดี
- ใช้งานง่าย ความซับซ้อนน้อย สามารถฝึกทำการเทรดได้ไม่ยาก แม้แต่มือใหม่หัดเทรดยังสามารถใช้ได้ทันที เป็นโปรแกรมช่วยเทรดตัวแรก ๆ ของโลก ด้วยความคุ้นชินจึงกลายเป็นโปรแกรมยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ทั่วโลกใช้
- การซื้อขายรวดเร็วทันใจ สนับสนุนกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ
- เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ที่มีความหลากหลาย มีความน่าเชื่อถือ ใช้งานสะดวกสบาย มักถูกหยิบยกเป็นตัวอย่างการสอน
- การใช้ทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่มาก ดังนั้นแม้แต่การใช้คอมพิวเตอร์ในยุคเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็ไม่เป็นปัญหา เนื่องจากโปรแกรมไม่ซับซ้อน ทำให้สามารถทำการวิเคราะห์ได้อย่างต่อเนื่อง
- โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่ในตลาดเกือบทั้งหมด รองรับโปรแกรม MT4
- จำนวนหน้าจอในการเปิด timeframe ถือว่าเหมาะสมเพราะมีหลายหน้าจอ ต่อให้เป็นมืออาชีพในการเทรดก็ยังสามารถพูดได้ว่าเหลือใช้
- สามารถใช้ Indicators และ EA จากภายนอกได้ แถมมีให้เลือกมากมายในปัจจุบัน ซึ่งวิธีนี้เองสามารถสร้าง passive income ให้เงินทำงานให้เราได้ โดยหาบอทที่น่าเชื่อถือ เหมาะสม เราจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลพร้อมเงินที่งอกเงยขึ้นในแต่ละวัน
- รองรับเทคนิคการเทรดทุกรูปแบบ ซึ่งคุณสามารถออกแบบวิธีการเทรดที่เหมาะสมกับตัวเองได้ไม่ยาก ยิ่งเข้าใจหลักการ ยิ่งสร้างเครื่องมือที่ตรงใจคุณแบบสุด ๆ ได้
- รองรับระบบปฏิบัติคอมพิวเตอร์และมือถือที่คนส่วนใหญ่ใช้
ข้อเสีย
- เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์ที่ออกแบบขึ้นมาตั้งแต่เกือบ 15 ปีที่แล้ว นั่นทำให้เครื่องมือบางอย่างไม่ครบถ้วนเหมือนโปรแกรมเทรดเดอร์ใหม่ ๆ ตัว แม้จะมีความครอบคลุมไม่ต่างกัน แต่ในเชิงเทคนิคที่ซับซ้อนขึ้นอาจจะยังด้อยกว่าเครื่องมือใหม่ ๆ อย่าง MT5
- การทำ backtest มีคุณภาพต่ำอยู่ เมื่อใช้ทดสอบประสิทธิภาพ EA จะพบว่ายังด้อยกว่าตัว MT5 อยู่พอสมควร (MT4 มีประสิทธิภาพประมาณ 90% MT5 มีประสิทธิภาพประมาณ 100%)
- ความเร็วในการส่งออเดอร์ถือว่าอยู่ในระดับพอใช้เท่านั้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีในช่วสิบห้าปีที่แล้ว
- กราฟราคาไม่สามารถปรับแต่งช่วง Time Frame ได้มากพอ เพราะมีให้เลือกไม่มาก ต่างจากตัวโปรแกรมใหม่ ๆ ที่ปรับได้มากกว่า
3.ความแตกต่างระหว่าง MT4 และ MT5
จากหัวข้อที่แล้ว หากพิจารณาข้อดีข้อเสียของ MT4 เราจะพบว่ามันมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ซึ่งดูเหมือนว่า MT4 จะเหมาะกับผู้ใช้งานเดิม หรือผู้ใช้งานใหม่ที่ไม่ค่อยชอบความยุ่งยากนัก และมักเน้นไปที่การใช้งานที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพในระดับเหมาะสม แม้ยังด้อยกว่าโปรแกรมสมัยใหม่อย่าง MT5 ในหลายด้าน ทว่ามันแลกมากับความซับซ้อนที่มากขึ้น ต่างจาก MT4 ที่มีความครอบคลุมที่ดี รูปแบบ interface ที่ใช้งานง่าย เรียนรู้ได้ไม่ยาก
ในทางกลับกันโปรแกรม MT5 ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ แม้จะใช้งานได้ไม่ง่ายเหมือนเดิม รูปแบบการใช้อาจไม่คุ้นชินตา แม้แต่มือเก๋าก็ยังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพิ่ม ทว่าถ้าหากใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว มีการใช้งานได้อย่างชำนาญ ประสิทธิภาพในการทำกำไรก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง แม้ว่าปัจจุบันโบรกเกอร์ส่วนใหญ่อาจยังไม่รองรับ MT5 เป็นเครื่องมือในการเทรด แต่เกินกว่าครึ่งก็มี MT5 เป็นเครื่องมือที่รองรับในการเทรดแล้ว ดังนั้นถ้าหากเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพจริง ๆ แนะนำให้เริ่มใช้ MT5 จึงจะดีกว่า เพราะด้วยเทคโนโลยีใหม่ การพัฒนาความคิดใหม่ ๆ ทำให้ตัว MT5 มีความเหนือกว่าในหลายระดับ
คุณสมบัติ | MT4 | MT5 |
จำนวนหน้าจอ/Timeframe | 9 Timeframe | 21 Timeframeสั่งได้ 100 หน้าจอ |
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน/ข่าว | ไม่มีข้อมูลข่าวสาร | มีข้อมูลข่าวสาร พร้อมรายละเอียดที่น่าเชื่อถือ |
การตลาด | ไม่มีในโปรแกรม ต้องเข้าผ่านเว็บ MQL4.com | สามารถทำการเทรด Forex ได้ทันที |
Indicators | มีให้ในโปรแกรม 30 ตัว | มีให้ในโปรแกรม 38 ตัว และมี Indicators อื่น ๆ ให้อีกด้วย |
การส่งคำสั่ง | วางได้ทีละ 2 ออเดอร์ และ 4 Pending order | วางได้ทีละ 2 ออเดอร์, 4 Pending order และ 2 Stop order |
Expert Advisor (EA) | มีโปรแกรมให้สามารถสร้าง EA ผ่านภาษา MQL ได้ แต่ไม่สามารถนำโค้ดไปใช้กับ MT5 ได้เนื่องจากใช้คนละภาษา | มีโปรแกรมให้สามารถออกแบบ EA ผ่านภาษา C++ แต่ไม่สามารถใช้ภาษา MQL ได้ |
4.วิธีใช้ MT4
วิธีการใช้งาน MT4 ก็ไม่ยาก สิ่งสำคัญคือเข้าใจกระบวนการเทรด ถ้าหากใครที่มีพื้นฐานการเทรดอยู่แล้วก็จะสามารถเริ่มได้ทันที แต่ถ้าใครไม่มีพื้นฐานการเทรดเลย มันก็จะมีอยู่ 10 ขั้นตอนง่าย ๆ ด้วยกันดังนี้
1. สร้างบัญชี – เมื่อเริ่มต้นใช้งาน สิ่งแรกที่ควรมีคือบัญชีที่ใช้เทรดหรือบัญชีทดลอง อาจจะขอผ่านโบรกเกอร์ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายแห่งด้วยกัน หากใช้บัญชีจริงต้องทำการฝากเงิน และเตรียมเริ่มต้นเทรด
2. ทำการ Download และติดตั้งโปรแกรม MT4 – วิธีการดาวน์โหลดสามารถทำได้ไม่ยาก โดยทั่วไปโบรกเกอร์ที่เปิดให้เทรด Forex มักจะมีให้โหลดโปรแกรม MT4 อยู่แล้ว หลังจากดาวน์โหลดตัวโปรแกรมสำเร็จก็สามารถทำการติดตั้งได้ทันที ซึ่งมักรองรับทั้งระบบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ส่วนใหญ่
3. ศึกษาคำสั่งแต่ละตัวให้ดี – อย่างน้อยต้องเข้าใจความหมายของแต่ละตัวว่าคืออะไร หากเราเข้าใจแล้ว เราก็สามารถใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น การศึกษาเพื่อทำกำไรก็ไม่ยากอีกต่อไป ซึ่งคำสั่งในการใช้งานโปรแกรมแต่ละตัวสำคัญมาก ควรรู้ความหมายของทุกคำหรือเกือบทุกคำเพื่อไม่ให้พลาดในการเทรด

4. ศึกษาตลาดที่ต้องการลงทุน แล้วเลือกตลาดที่ต้องการ – ในขั้นตอนนี้อาจไม่เกี่ยวกับโปรแกรมมากนัก อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐาน ข้อมูลข่าวสารมีผลต่อการทำกำไรทั้งสิ้น ถ้าหากเราเชี่ยวชาญข้อมูลของตลาด เราก็สามารถคาดเดาทิศทางได้มากขึ้น เช่น โควิดระบาดในอเมริกา ทำให้คนไม่สามารถทำงานได้ เราก็รู้ว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องออกมาตรการ QE แน่ นั่นจึงทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อขึ้น ในส่วนนี้เราก็สามารถทำกำไรจากเงินเฟ้อได้ง่าย ๆ
5. ทำการ Open a position

หลังจากทำแล้วจะได้รูปดังต่อไปนี้

ในขั้นตอนนี้ก็ทำการตั้งค่าตามคำสั่งต่าง ๆ ซึ่งในส่วนนี้เทรดเดอร์ต้องทำความเข้าใจแต่ละคำสั่งให้ดี จึงจะสามารถเทรดได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาหลังการสั่งเทรด
6. ตั้งค่ากราฟที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง – ในส่วนนี้ก็ขึ้นกับลักษณะเฉพาะบุคคล แล้วแต่ว่าเราจะตั้งค่าอย่างไรที่คิดว่าเหมาะสม หรือดูเข้าใจง่าย เช่น เปลี่ยนกรอบเวลา วาดวัตถุลงบนกราฟ
ปรับรูปแบบข้อมูลกราฟ

7. เพิ่ม Indicators – สามารถเลือกเพิ่ม Indicators ได้หลายตัวตามที่เราต้องการ มีทั้งแบบที่ให้มาในโปรแกรมและสามารถเพิ่มนอกเหนือโปรแกรมได้

8. ตั้งค่าการแจ้งเตือน – ตั้งค่าตามที่เราต้องการ วิธีการก็ไม่ยากแค่เข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน และทำตามรูปตัวอย่าง

9. ดูประวัติการเทรด – สามารถดูประวัติการเทรดย้อนหลังได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ
10.ดาวน์โหลดรายงานการเทรด หรือ trade reports
5.สรุปบทความ
จากบทความทุกท่านก็คงทราบกันดีแล้วว่า MetaTrader 4 หรือ MT4 คืออะไรกัน เป็นเครื่องมือแบบไหน มีวิธีการใช้งานอย่างไร และความแตกต่างจากเครื่องมืออื่น ๆ เป็นอย่างไร ซึ่งผู้เขียนก็หวังอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะสามารถนำโปรแกรม MT4 ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด เราก็สามารถใช้งานได้แล้ว อย่างไรก็ตามหากมีโอกาส ผู้เขียนก็อยากจะแนะนำให้มืออาชีพเทรดเดอร์ทดลองใช้ MT5 ด้วย แม้การเริ่มต้นใหม่จะยากมาก เพราะมีอุปสรรคในเรื่องภาษาในการสร้าง EA (MT4 ใช้ภาษา MQL ส่วน MT5 ใช้ภาษา C++) แต่การเรียนรู้ก็ไม่มีคำว่าสิ้นสุด
เทรดเดอร์ที่ดีต้องไม่ใช่เทรดเดอร์ที่ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ เพราะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสมอยู่ตลอดเวลาจึงจะอยู่รอดได้ ไม่ต่างอะไรจากวงการหุ้น วงการคริปโทเคอเรนซีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แทบจะตลอดเวลา ลองดูเหรียญ Bitcoin Dogecoin Ethereum สิ ใครจะไปคิดกันว่าเหรียญพวกนี้จะกลายเป็นเหรียญที่มีความสำคัญในตลาด และมีมูลค่าสูงมาก ๆ ในตลาด แถมยังมีมูลค่ามากกว่า GDP ของบางประเทศซะอีก แต่ถ้าหากท่านปรับตัว มีความคิดใหม่ ๆ และเรียนรู้อยู่เสมอ ท่านก็จะมองเห็นศักยภาพของเหรียญเหล่านี้ และสามารถสร้างกำไรจากเหรียญนี้ได้ หลายคนก็กลายเป็นเศรษฐีจากการซื้อขายเหรียญคริปโทไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เองคือข้อดีของการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด
ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสรุปดังนี้ หากท่านเป็นมือใหม่หัดเทรด การเทรดด้วย MT4 ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะกระบวนการทำงานไม่ยุ่งยากซับซ้อน แม้เครื่องมือไม่หลากหลายเท่าโปรแกรมใหม่ ๆ แต่ก็ครอบคลุมอย่างยิ่ง ในทางกลับกันหากท่านเป็นมืออาชีพในการเทรดแล้วต้องหัดเทรดด้วยวิธีใหม่ ๆ บ้าง การเลือกใช้ MT5 จึงเป็นวิธีที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งการเทรดด้วย MT5 จะทำให้ท่านทำกำไรในระดับที่มากขึ้น การสละเวลามาฝึกใช้โปรแกรมใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าจึงไม่ใช่เรื่องเสียเวลาอย่างแน่นอน
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น