หุ้นอเมริกาคืออะไร? ทำไมหุ้น อเมริกาถึงน่าลงทุน?

ในสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การหางานที่มีรายได้มั่นคงและการมีวินัยในการออมเงินนั้นไม่เพียงพออีกแล้ว หากไม่เรียนรู้ที่จะลงทุนก็เท่ากับปล่อยโอกาสดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ทุกวันนี้ผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพล้วนให้ความสำคัญกับการลงทุน แม้แต่เด็กที่ยังอยู่ในวัยเรียนก็เริ่มลงทุนในหุ้นไทยและหุ้นอเมริกากันแล้ว รวมถึงกองทุน เงินดิจิตอล เป็นต้น เพราะพวกเขาเห็นว่ามันคือช่องทางที่ทำให้เงินงอกเงยได้จริง และยังเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มระบบการบริหารเงินให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วย สำหรับคนที่ยังไม่เคยก้าวเข้าสู่สนามแห่งการลงทุนเลย นี่คงถึงเวลาแล้วที่จะเอาชนะความกลัวและลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ บ้าง และต้องเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้เหมาะกับตัวเองด้วย
ในบทความที่แล้ว เราได้พูดถึงกองทุนและสกุลเงินดิจิทัลแล้ว ดังนั้น เรามาพูดถึงหุ้นอเมริกาในวันนี้ นักลงทุนมือใหม่มาอ่านด้วยกันค่ะ
Table of Contents
หุ้นอเมริกาคืออะไร?
ก่อนจะไปถึงเรื่องราวของหุ้นอเมริกา เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจะต้องรู้ถึงความหมายของคำว่า “หุ้น” เสียก่อน หุ้นนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่วิ่งอยู่บนกระดานแล้วเปลี่ยนแปลงค่าขึ้นลงไปเรื่อยๆ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่ดำเนินงานอยู่จริงในขณะนั้น เมื่อเจ้าของกิจการต้องการระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ก็สามารถแบ่งสิทธิ์ความเป็นเจ้าของกิจการให้ผู้อื่นในรูปแบบของหุ้นได้ ดังนั้น นักลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเราก็คือผู้ที่ซื้อขายสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในกิจการที่ตัวเองสนใจ พร้อมรับผลประโยชน์ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด เช่น สิทธิ์ออกความเห็น เงินปันผล เป็นต้น
หุ้นอเมริกาก็เช่นเดียวกัน มันคือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของกิจการที่จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในบ้านเราแล้ว หุ้นอเมริกาจะมีความหลากหลายกว่าและมีตลาดหุ้นให้เลือกลงทุนมากกว่าด้วย โดยตลาดที่ได้รับความนิยมและมีความสำคัญระดับโลกจะมีอยู่ 2 แห่ง คือ ตลาดแนสแด็ก (Nasdaq) และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange, NYSE) ซึ่งมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในวงการลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กนั้นก่อตั้งมาก่อน หุ้นในกลุ่มดิจิทอลและเทคโนโลยีชื่อดังหลายตัวอยู่ที่นี่ กิจการประเภทอื่นที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกก็ซื้อขายหุ้นได้ที่ตลาดนี้เช่นกัน ส่วนตลาดแนสแด็กจะเป็นพื้นที่ของธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่สามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้ แต่ความน่าสนใจก็คือ หุ้นหลายตัวเป็นหุ้นนวัตกรรมที่พร้อมเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต

ทำไมหุ้นอเมริกาถึงน่าลงทุน?
หลายคนคงคิดเหมือนกันว่าบริษัทชั้นนำอย่าง Facebook, Amazon, Apple และ Microsoft น่าจะทำกำไรต่อปีเป็นจำนวนมหาศาล แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจก็ดูเหมือนว่าจะไปต่อได้เรื่อยๆ แบบไร้ขีดจำกัด ตราบใดที่เทคโนโลยียังตอบโจทย์ความสะดวกสบายในชีวิตของเราได้อยู่ ไม่ว่าใครก็อยากจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกิจการเหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น และนี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในหลากหลายเหตุผลที่ทำให้หุ้นอเมริกากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุน เราจะขอสรุปประเด็นที่เป็นจุดเด่นของหุ้นอเมริกาให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ ดังนี้
- มีหุ้นของกิจการระดับโลกให้เลือกหลากหลาย
ส่วนใหญ่เป็นหุ้นของกิจการที่พวกเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว รับรู้มาตลอดว่ากิจการเหล่านั้นสร้างผลกำไรได้แบบก้าวกระโดดและเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ เช่น Starbuck, Netflix, Google, Nike เป็นต้น ข้อดีของการลงทุนในกิจการกลุ่มนี้คือมีอัตราการเติบโตของกำไรค่อนข้างสูง ทั้งยังมีช่องทางในการขยายกิจการอีกมาก ทำให้โอกาสได้รับผลตอบแทนในระยะยาวเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
- มีหุ้นของกิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่พร้อมเปลี่ยนโลก
นักลงทุนหลายคนให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มนี้มากกว่าหุ้นดาวเด่นในตลาดเสียอีก เพราะมองกันถึงอนาคตข้างหน้าว่า เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ หุ้นบางตัวที่มีพื้นฐานดี จึงสามารถเพิ่มมูลค่าเป็น 10 เท่าหรือมากกว่านั้นได้
- เป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายสูงมาก
ต่อให้สินค้าจะดีแค่ไหน แต่ถ้าไปอยู่ในจุดที่คนมองไม่เห็นก็ไม่มีประโยชน์ เช่นเดียวกันกับสินทรัพย์ที่เราเรียกว่าหุ้น ปริมาณการซื้อขายก็สำคัญไม่แพ้มูลค่าจริงของหุ้นนั้น เพราะปริมาณเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาได้ ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเน้นการลงทุนแบบเก็งกำไรหรือเน้นคุณค่า
- เป็นตัวเลือกในการกระจายความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยม
สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับการลงทุนก็คือการกระจายความเสี่ยง และการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศนั้นให้ผลดีกว่าเสมอ เพราะหากเราเลือกลงทุนแค่ในประเทศเพียงอย่างเดียว ต่อให้กระจายไปยังผลิตภัณฑ์การลงทุนที่แตกต่างกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังอยู่ภายใต้สภาพเศรษฐกิจและสังคมเดียวกัน ดังนั้นเมื่อแบ่งเงินไปลงทุนกับหุ้นอเมริกาบ้าง เมื่อไรที่ประเทศไทยมีวิกฤติ ก็จะไม่ใช่เงินลงทุนทั้งหมดของเราที่ต้องได้รับผลกระทบจนเกิดความเสียหาย
ใครสามารถซื้อหุ้นอเมริกาได้?

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 8 – 10 ปี การลงทุนในหุ้นต่างประเทศนั้นถือว่ายุ่งยากมาก ต้องมีทั้งเงินทุน สินทรัพย์ และต้องผ่านการเตรียมเอกสารกันวุ่นวายทีเดียว แต่พอมาถึงยุคที่ผลิตภัณฑ์การลงทุนเปิดกว้างให้คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น การซื้อขายหุ้นต่างประเทศอย่างหุ้นอเมริกาก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าใครก็สามารถลงทุนได้ทั้งนั้น โดยเราสามารถแบ่งตามลักษณะการเปิดพอร์ตซื้อขายหุ้นอเมริกาได้ 2 แบบ ดังนี้
- กรณีเปิดพอร์ตซื้อขายหุ้นอเมริกาผ่านโบรกเกอร์ของไทย
เงื่อนไขพื้นฐานก็จะเหมือนกับการเปิดพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรา คือต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในวันที่ทำเรื่องเปิดพอร์ต ถ้าอายุครบ 18 ปีแต่ยังไม่ถึง 20 ปีก็จะต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครอง หลังจากพ้นช่วงวัย 20 ปีไปแล้วถึงจะสามารถเปิดได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ก็จะต้องมีเงินวางในบัญชีตามจำนวนที่ทางโบรกเกอร์กำหนดไว้เป็นขั้นต่ำด้วย
- กรณีเปิดพอร์ตซื้อขายหุ้นอเมริกาผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ
แน่นอนว่าเงื่อนไขเรื่องของอายุก็จะคล้ายคลึงกัน แต่จะต่างในแง่กระบวนการทำงาน บางที่กำหนดให้ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อทำเรื่องเปิดพอร์ตระหว่างประเทศ แต่บางที่ก็จะให้ทำทุกอย่างผ่านแอพพลิเคชั่นได้ ซึ่งสะดวกรวดเร็วมากกว่า
ความจริงแล้วกฎเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะซื้อขายหุ้นอเมริกาได้นั้นมีน้อยมาก ขึ้นอยู่กับความสนใจและเป้าหมายที่ต้องการมากกว่า แม้คนที่อายุยังไม่ถึงแต่อยากเรียนรู้ ก็สามารถพัฒนาตัวเองภายใต้การดูแลของผู้ปกครองได้
เวลาเปิดและปิดตลาดหุ้นอเมริกา
เรื่องของเวลาที่ตลาดหุ้นอเมริกาเปิดให้มีการซื้อขาย ก็เป็นประเด็นที่หลายคนมองว่ามันคือโอกาสที่น่าสนใจเหมือนกัน เนื่องจากตลาดหุ้นของประเทศไทยจะเปิดทำการ 2 ครั้งต่อวัน คือช่วงเช้าตั้งแต่ 10.00 – 12.30 น. แล้วเปิดอีกครั้งในช่วงบ่าย 14.30-16.30 น. แล้วก็ยังหยุดทำการตามวันหยุดของธนาคาร
ขณะที่ตลาดหุ้นอเมริกาจะเปิดตอน 20.30 น. ตามเวลาของประเทศไทย แล้วก็สามารถเลือกซื้อขายหุ้นกันได้ต่อเนื่องจนถึงเวลา 03.00 น. ซึ่งเป็นเช้าวันถัดไป เวลาที่ว่านี้จะมีการขยายช่วงให้ยาวออกไปอีกในฤดูหนาว คือประมาณเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ จะปรับเวลาเป็น 21.30 – 04.00 น. ตามเวลาในบ้านเรา เท่ากับว่านักลงทุนจะสามารถทำการซื้อขายหุ้นได้เกือบตลอดทั้งวัน หากศึกษาข้อมูลมามากพอและวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ เกี่ยวกับหุ้นที่สนใจได้อย่างครบถ้วน ก็จะทำกำไรได้จากตลาดหุ้นทั้ง 2 ประเทศ
วิธีซื้อหุ้นอเมริกามีอะไรบ้าง?
สำหรับคนที่สนใจจะลงทุนกับหุ้นอเมริกา เดี๋ยวนี้ก็มีช่องทางให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย จะติดต่อซื้อขายด้วยตัวเองก็ได้ หรือจะติดต่อผ่านตัวแทนในประเทศไทยก็ได้เหมือนกัน ซึ่งแต่ละช่องทางก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเรามากที่สุด

- การติดต่อซื้อขายด้วยตัวเอง
ไม่ได้หมายความว่าเราต้องติดต่อกับบริษัทที่สนใจเพื่อซื้อหุ้นโดยตรง แต่เป็นการติดต่อกับโบรกเกอร์ต่างชาติที่เปิดให้บริการลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา ในภาพรวมคือโบรกเกอร์แต่ละค่ายก็จะมีจุดแข็งของการให้บริการที่แตกต่างกันไป บางที่เน้นเรื่องเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์หุ้น บางที่เน้นเรื่องการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร และแน่นอนว่าทุกค่ายก็จะมีการแนะนำหุ้นที่น่าสนใจในแต่ละช่วงเวลาเช่นเดียวกับโบรกเกอร์ของประเทศไทย
การติดต่อโบรกเกอร์ต่างประเทศจะมีข้อดีตรงที่คิดค่าคอมมิชชั่นถูกมาก นักลงทุนมีสิทธิ์ที่จะเข้าประชุมผู้ถือหุ้นและสามารถออกเสียงในมติต่างๆ ได้ และที่สำคัญคือจะมีหุ้นอเมริกาให้เราเลือกซื้อขายได้มากกว่าโบรกเกอร์ในบ้านเรา แต่ก็จะมีข้อเสียในเรื่องการติดต่อสื่อสาร และมีความยุ่งยากในการแจ้งความประสงค์ด้านการลงทุนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย ตรงนี้ถ้าใครไม่ผ่านตามเงื่อนไขก็ไม่สามารถไปทำอะไรต่อได้ เว้นเสียแต่จะเป็นคนไทยที่อยู่ต่างประเทศก็จะได้รับการยกเว้นขั้นตอนนี้ไป
- การติดต่อซื้อขายผ่านตัวแทนในประเทศไทย
ตัวแทนในที่นี้ก็คือโบรกเกอร์สัญชาติไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบบริการของธนาคารหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยลงทุนในหุ้นต่างประเทศมาก่อน การติดต่อผ่านธนาคารก็ดูจะเป็นช่องทางที่สะดวกมากที่สุด ข้อดีคือสามารถดำเนินการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นได้อย่างง่ายดายในที่เดียว มีเจ้าหน้าที่แนะนำพร้อมช่วยเตรียมเอกสารอย่างใกล้ชิด ติดปัญหาตรงไหนก็สอบถามได้อย่างละเอียด การฝากเงินเข้าระบบและการซื้อขายก็ไม่ยุ่งยากเกินกว่าจะเข้าใจได้
แต่หุ้นอเมริกาที่เป็นตัวเลือกจะน้อยกว่าและอาจไม่มีหุ้นตัวที่สนใจจะลงทุน ค่าคอมมิชชั่นก็จัดว่าสูงอยู่พอสมควร หากซื้อขายบ่อยครั้งก็จะเสียเงินตรงนี้ไปไม่น้อยทีเดียว นี่ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมในการโอนเงินและบริการเพิ่มเติมอื่นๆ อีก การซื้อขายผ่านตัวแทนในประเทศไทยจึงมีต้นทุนโดยรวมสูงกว่า
ซื้อขายหุ้นอเมริการผ่าน CFD ได้อย่างไร

นอกจากวิธีซื้อขายหุ้นอเมริกาที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งรูปแบบที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เรียกว่า CFD หรือ Contract for Difference อธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ เป็นการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นอเมริกาตัวนั้น โดยเจาะจงไปที่การซื้อขายส่วนต่างเป็นหลัก สัญญานี้ไม่ได้ผูกมัดกับตัวหุ้นและไม่ได้ผูกมัดกับตลาด จึงมีความยืดหยุ่นสูง เราสามารถสร้างผลกำไรได้มากขึ้นด้วยต้นทุนจำนวนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้นอเมริกาแบบปกติ
ตัวอย่างของโบรกเกอร์ที่ให้บริการ CFD ก็คือ Mitrade ซึ่งเป็นโบรกเกอร์เทรดฟอเร็กซ์และ CFD ผ่านระบบออนไลน์ ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยมและมีรางวัลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการอีกด้วย ขั้นตอนการซื้อขายหุ้นอเมริกาด้วย CFD ของ Mitrade นั้นค่อนข้างเข้าใจง่ายมาก เพียงแค่แบ่งการคาดการณ์เป็น 2 กรณี คือ คาดการณ์ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ถ้าคาดการณ์ว่าหุ้นที่สนใจซื้อขายมีแนวโน้มของราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ให้เปิดสถานะ LONG เมื่อราคาหุ้นไปถึงจุดที่เป็นเป้าหมายก็ปิดสถานะแล้วรอดูยอดกำไรที่ได้รับ
เช่นเดียวกัน หากคาดการณ์ว่าหุ้นจะมีแนวโน้มของราคาลดต่ำลงกว่าเดิม ก็เปิดสถานะ SHORT พอหุ้นปรับตัวลดลงถึงเป้าหมายก็ปิดสถานะแล้วรับกำไร ข้อดีของการซื้อขายผ่าน CFD คือช่วยให้เราลงทุนด้วยเงินต้นจำนวนน้อยได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นที่ราคาเต็ม ซึ่งบางตัวราคาพุ่งสูงถึงหลักหมื่นหลักแสนแล้ว แต่นี่มีเพียงแค่หลักพันก็สามารถเริ่มทำกำไรได้ทันที
ทีนี้เวลาซื้อขายจริงก็จะเกิดคำถามจากมือใหม่ว่า เราจะต้องใช้เงินขั้นต่ำเท่าไรในการซื้อแต่ละครั้ง อันนี้ต้องเข้าใจเรื่องของอัตราทดเสียก่อน หากหุ้นตัวนั้นระบุว่ามีอัตราทด 20 เท่า เราก็นำมูลค่าทั้งหมดที่ต้องซื้อหุ้นจริงมาหารด้วย 20 ก็จะเป็นจำนวนเงินที่เราต้องใช้ในการซื้อหุ้นอเมริกาผ่านระบบ CFD นั่นเอง
สำหรับแพลตฟอร์มเทรดออนไลน์ Mitrade →MiTrade คืออะไร? เป็นแพลตฟอร์มหลอกลวงหรือไม่? ในภาพรวมแล้วถือว่าเหมาะกับมือใหม่มากทีเดียว เนื่องจากมีข้อดีที่ส่งผลต่อการซื้อขายหลายอย่าง เริ่มจากมีรูปแบบการใช้งานที่ค่อนข้างง่าย มาพร้อมกับเครื่องมือช่วงวิเคราะห์ที่หลากหลาย ทั้งกราฟราคา การอัพเดทข่าวสารที่เกี่ยวข้อง และตัวช่วยกำจัดความเสี่ยงต่างๆ ตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็มีฝ่ายบริการคอยช่วยเหลือผ่านระบบออนไลน์ตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นยังมีค่าคอมมิชชั่นเท่ากับ 0 และสเปรดต่ำ ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่สามารถซื้อขายได้บ่อยและหาโอกาสในการทำกำไรได้ง่ายกว่า
แม้ว่า Mitrade จะเป็นโบรกเกอร์สัญชาติออสเตรเลีย แต่ก็มีหน้าเว็บไซต์ภาษาไทยที่ช่วยให้เราเข้าใจได้ง่าย มีทีมงานที่คอยซัพพอร์ตนักลงทุนในไทยผ่านทาง live chat ตลอดเวลา แถมยังสามารถทำธุรกรรมผ่านธนาคารในประเทศไทยได้ด้วย เรื่องความน่าเชื่อถือยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การดูแลของ Australian Securities and Investments Commission และยังถือ Australian Financial Service Licence อีกด้วย นักลงทุนทุกคนจึงไว้วางใจและเชื่อมั่นได้ในคุณภาพของบริการ
อย่างไรก็ตาม Mitrade ก็มีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้างเหมือนกัน คือสามารถเปิดบัญชีการซื้อขายได้เพียงประเภทเดียว และไม่รองรับการซื้อขายแบบ Scalping ตรงจุดนี้นักลงทุนต้องนำไปประกอบการตัดสินใจเพื่อใช้บริการของตัวเองด้วย ว่าตอบโจทย์ความต้องการหรือไม่
สรุปบทความ
เวลาเราพูดถึงการลงทุนกับหุ้นในต่างประเทศ สำหรับหลายคนมันช่างดูเป็นเรื่องยุ่งยากและไกลตัวเหลือเกิน แต่เมื่อมาอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็คงพอมองเห็นภาพว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆ มันช่วยให้โลกของการลงทุนเข้าถึงง่ายขึ้นมาก แม้แต่คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ มาก่อนเลย ก็ใช้เวลาเรียนรู้ได้ในระยะเวลาอันสั้น อย่างการซื้อขายหุ้นอเมริกานี้ ถ้าติดเรื่องภาษาก็สามารถเลือกใช้บริการกับโบรกเกอร์ไทยได้ หรือถ้ามีทุนน้อย จะใช้เป็นการซื้อขายด้วยระบบ CFD ก็ได้เหมือนกัน ยิ่งเรื่องการเลือกหุ้นยิ่งไม่ต้องกังวล เพราะส่วนใหญ่เราก็พบเห็นธุรกิจของหุ้นเหล่านั้นในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องของความเสี่ยงก็ต้องยอมรับว่ามีอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์การลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นของไทยหรือตลาดหุ้นอเมริกา ซึ่งความเสี่ยงส่วนใหญ่เราสามารถบริหารและจัดการได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่มีการเชื่อมโยงกับธุรกิจ ก็จะมีข้อมูลให้เราได้ศึกษาและประเมินความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง เช่น งบการเงิน แผนการดำเนินงานในไตรมาสต่อไป ภาระหนี้สินที่มีอยู่ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังสามารถขอคำแนะนำจากโบรกเกอร์ได้โดยตรงอีกด้วย หากเราเตรียมตัวมากพอ การซื้อขายหุ้นก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่มากนัก
เข้าใจว่าสำหรับมือใหม่นั้น ไม่ว่าอะไรก็เหมือนจะยากไปเสียหมด ไหนจะเรื่องการเตรียมตัวสมัครกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดพอร์ตลงทุน ไหนจะเรื่องการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับตลาดหุ้น และไหนจะเรื่องการฝึกตัดสินใจเพื่อหาจังหวะซื้อขายอีก ในช่วงแรกอาจจะต้องจ่ายเงินแลกประสบการณ์ไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และเชื่อเถอะว่าไม่มีอะไรเกินความสามารถ นักลงทุนเก่ง ๆ ก็เคยผ่านประสบการณ์ที่ไม่รู้อะไรมาก่อนเช่นเดียวกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม>>>
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น โบรกไหนค่าคอมถูกสุด
ตลาดหุ้นเปิดปิดกี่โมง และวันหยุดตลาดหุ้นประจำปี 2564 และ 2565
เปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี และวิธีการเปิดพอร์ตหุ้น?
เล่นหุ้นเริ่มต้นกี่บาท? ควรเริ่มอย่างไรสำหรับเล่นหุ้นมือใหม่
การเล่นหุ้นระยะสั้นเหมาะกับมือใหม่ไหม?
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น