น้ำมันดิบ WTI v.s. น้ำมันดิบ Brent ราคาน้ำมันดิบจะเป็นอย่างไร?

น้ำมัน WTI และ Brent เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่เป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนในตลาดน้ำมัน เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาว ในบทความนี้ จะมอบคำแนะนำที่มีค่ากับนักลงทุนทุกคนเพื่อการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์นี้ให้ดีที่สุด รวมถึงวิธีการลงทุนใน WTI oil และ Brent oil อีกด้วย
Table of Contents
น้ำมันดิบ WTI v.s. น้ำมันดิบ Brent
น้ำมันดิบ WTI | น้ำมันดิบ BRENT |
WTI Oil หรือ West Texas Intermediate เป็นน้ำมันอเมริกาชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ Texas Light Sweet เป็นเกณฑ์มาตรฐานในตลาดน้ำมัน WTI ถูกใช้ในการกำหนดราคาน้ำมันดิบและถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ใตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค โดยมักจะโดนถูกเปรียบเทียบกับน้ำมันดิบ Brent ซึ่งเป็นน้ำมันมาจากทะเลเหนือหรือ OPEC จากตะวันออกกลาง | น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent Crude) มีแหล่งผลิตอยู่ในทะเลเหนือ (North Sea) เป็นน้ำมันดิบที่มีลักษณะเบาและมีปริมาณซัลเฟอร์ต่ำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โรงกลั่นฯ ต้องการ เนื่องจากเมื่อกลั่นแล้วสามารถให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของตลาดในปริมาณสูง เช่น น้ำมันเบนซิน และดีเซล อีกทั้งแหล่งผลิตอยู่ในทะเลทำให้ขนส่งได้ง่ายและต้นทุนการขนส่งต่ำ ราคาน้ำมันดิบ Brent เป็นราคาอ้างอิงการซื้อขายน้ำมันดิบในทวีปยุโรป แอฟริกาและทวีปเอเชียบางส่วนที่มีพรมแดนใกล้กับยุโรป ซึ่ง 2 ใน 3 ของสัญญาซื้อ-ขายน้ำมันดิบทั่วโลกอ้างอิงราคาน้ำมันดิบ Brent |
ประวัติราคาน้ำมัน WTI และ Brent
- ประวัติราคาน้ำมัน WTI และราคาวันนี้
ในด้านล่าง เราจะวิเคราะห์ประวัติการวิวัฒนาการของราคา น้ำมัน WTI โดยการระบุวันสำคัญต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์กันค่ะ

ราคาน้ำมันดิบ WTI วันนี้ ลดลง 0.2% เป็น 93.50 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน
ประวัติราคาน้ำมัน WTI
ศตวรรษที่ 19 | การพัฒนาการแสวงหาประโยชน์ทางอุตสาหกรรมและการนำไปใช้ โดยเฉพาะในรถยนต์ ประวัติศาสตร์ของ WTI oil นั้นได้ดำเนินไปตามเส้นโค้งของจำนวนรถยนต์บนโลก นอกจากนี้ความต้องการพลังงานดิบสำหรับเครื่องบินและเรือก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายทศวรรษที่ผ่านมา |
ปี 1973 | ทุกอย่างไปได้ดี มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอุปทานถูกปรับให้เพียงพอโดยไม่ต้องมีสต็อกที่มากเกินไป จากนั้นได้มีเหตุการณ์ที่สร้างแรงกระแทกให้กับน้ำมันครั้งแรกเกิดขึ้น คือหลังจากที่อิยิปต์และซีเรียโจมตีอิสราเอล OPEC ได้ปรับราคาขึ้นไป 70% ของราคาต่อหน่วย ราคาน้ำมันดิบได้ตั้งไว้ที่ 11.65 ดอลล่าร์ ซึ่งถือเป็นวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ |
ปี 1979 | ความขัดแย้งครั้งใหม่ได้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (สงครามอิหร่าน-อิรัก) ทำให้การผลิตลดลงอย่างมาก และราคาพุ่งสูงถึง 40 ดอลล่าร์ |
ปี 1980 – 1986 | ทั่วโลกประสบกับช่วงเศรษฐกิจถอถอย น้ำมันได้รับผลกระทบจากการบริโภคที่ลดลงและสงครามราคาที่ทำให้บาร์เรลอยู่ที่ 8 ดอลล่าร์ ในตอนต้นของยุค 90 ก่อนสงครามอ่าว (สหรัฐอเมริกา – อิรัก) ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 40 ดอลล่าร์ |
ตั้งแต่นั้นมา ความขัดแย้ง การคว่ำบาตร และการต่อสู้ทางการเมืองจำนวนมากได้ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อราคาน้ำมัน: | |
ปี 1997 | ข้อผิดพลาดในการประเมินในส่วนของ OPEC ซึ่งทำให้ราคาลดลง |
ปี 2004 – 2007 | เหตุการณ์ในตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และแอฟริกา ตามมาด้วยวิกฤตการผลิตน้ำมันและราคาที่สูงขึ้น |
ปี 2008 – 2009 | การผันผวนที่แข็งแกร่ง หลังจากหุ้นอเมริกันร่วงลงและการเติบโตแบบทวีคูณของจีนความขัดแย้งในลิเบียทำให้การผลิตลดลงและราคาพุ่งสูงขึ้น |
ปี 2011 | ทำสถิติสูงสุดที่ 135 เหรียญสหรัฐ ตั้งแต่นั้นมา ราคาก็ผันผวนน้อยลง |
ปี 2020 | มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกหยุดนิ่ง ส่งผลกระทบต่อราคาต่อบาร์เรล |
- ประวัติราคาน้ำมันดิบ Brent และราคาวันนี้

ราคาน้ำมันดิบ Brent วันนี้ลดลง 3.94 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 99.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประวัติราคาน้ำมัน Brent
ปี 1973 | วิกฤตน้ำมันครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อสงครามเราะมะฎอน ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มประเทศแนวร่วมรัฐอาหรับเริ่มคลี่คลาย สหรัฐอเมริกาได้เข้าแทรกแซงในความขัดแย้งโดยให้การสนับสนุนทางทหารแก่รัฐฮีบรู เพื่อการตอบโต้กลุ่มประเทศแนวร่วม โอเปกตัดสินใจลดการผลิตลง 25% ซาอุดีอาระเบียดำเนินการไปไกลถึงขั้นกำหนดห้ามส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา |
ปี 1979 | การล่มสลายของชาห์และการมาถึงของสาธารณรัฐอิสลามได้นำประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รายหนึ่งของโลกไปสู่วิกฤตทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้เกิดวิกฤตน้ำมันครั้งที่สองและเกิดการชะงักการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน อุปทานน้ำมันของโลกลดลงอย่างมาก และนั่นทำให้ราคาน้ำมัน Brent พุ่งสูงขึ้น |
ปี 1986 | The counter-shockต่างจากสองวิกฤติแรก เนื่องจากเป็นวิกฤตจากความแตกต่างทางความคิดมากกว่า ในขณะที่อุปทานน้ำมันของโลกเกินความต้องการและกลุ่มโอเปกพยายามรักษาราคาน้ำมันไว้ แต่ซาอุดิอาระเบียก็เพิ่มการผลิตขึ้นอย่างกะทันหัน ประเทศในกลุ่ม OPEC ปฏิบัติตามทันทีและเพิ่มผลผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมัน Brent ลดลงต่ำกว่า 10 ดอลลาร์จนกระทั่งทำข้อตกลงกันในปี 1987 สถานการณ์จึงกลับสู่ปกติ |
ปี 2008 | วิกฤตน้ำมันครั้งที่สามในขณะที่อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของจีนทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในช่วงปี 2000 แต่กำลังการผลิตกลับไม่เป็นไปตามนั้น ในเดือนกรกฎาคม 2008 ราคาน้ำมันหนึ่งบาร์เรลทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์ วิกฤตการณ์ของปี 2008 ทำให้อุปสงค์ชะลอตัวลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นราคาก็ตกลงมาเหลือไม่ถึง 25 ดอลลาร์ |
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันดิบ
- ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันดิบ WTI
ราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานเป็นหลัก การผลิตส่วนใหญ่ของโลกขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศ OPEC ซึ่งกำหนดโควตาการผลิตเพื่อจำกัดอุปทานและรักษาราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับสูง ด้วยเหตุนี้เอง การอภิปรายและการตัดสินใจของ OPEC เกี่ยวกับโควตาเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับราคาน้ำมัน WTI
- ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันดิบ Brent
ในด้านของอุปทาน ตลาดน้ำมันนั้นค่อนข้างเฉพาะเจาะจง ประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งรวมตัวกันอยู่ในกลุ่ม OPEC ได้กำหนดโควตาเพื่อจำกัดการผลิต ทำให้สามารถรักษาราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่ต้องการได้ ดังนั้น การตัดสินใจของ OPEC ของการผลิตน้ำมันมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาน้ำมันดิบ Brent
ในด้านของอุปสงค์ ส่วนใหญ่มาจากการบริโภคจากภายในครัวเรือนและยานพาหนะ โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ แต่ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันอาจลดลง แต่อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคา น้ำมัน Brent ในทางลบมากเกินไป
5 วิธีในการลงทุนในน้ำมันดิบ
1. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ (Crude Oil Futures)
สัญญา Brent Crude Oil Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงอยู่กับน้ำมันดิบ Brent ซึ่งทำการซื้อขายในหน่วยบาทต่อบาร์เรล โดย Oil Futures 1 สัญญาจะเทียบเท่ากับน้ำมันดิบปริมาณ 100 บาร์เรล ปัจจุบัน TFEX เปิดให้มีการซื้อขายสัญญา Oil Futures ที่หมดอายุ 3 เดือนติดต่อกัน โดยนักลงทุนจะสามารถทั้งซื้อ (Long) และขาย (Short) Oil Futures เพื่อบริหารความเสี่ยงได้ตามความเหมาะสม
ด้วยการที่ใช้เงินลงทุนน้อย สร้างโอกาสทำกำไรได้มาก และสามารถใช้กระจายพอร์ตลงทุนได้ การซื้อขายน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งจากกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน และจากนักลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ที่ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนสูง และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนั่นเองค่ะ
2. ตัวเลือกน้ำมันดิบ (Crude oil options)
Oil Options เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือสัญญาในการดำเนินการซื้อในภายหลัง ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งแตกต่างจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเนื่องจากไม่มีข้อผูกมัดในการซื้อ โดยมีกำหนดส่งมอบตามเงื่อนไขตามสัญญา
3. CFD ของน้ำมันดิบ (CFD of crude oil)
CFD เป็นผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ทางการเงินเฉพาะทางที่ช่วยให้นักเก็งกำไรสามารถซื้อขายส่วนต่างของราคาของสินทรัพย์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสัญญาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้กำไรจากส่วนต่างของราคาเมื่อสิ้นสุดสัญญา
CFD นั้นจะคล้ายกับฟิวเจอร์สโดยมีข้อแตกต่าง ดังนี้
- ขายแบบตัวต่อตัวด้วยเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
- CFD ไม่มีวันหมดอายุ
- นักลงทุน CFD สามารถซื้อสัญญาขนาดเล็กได้เพียงหุ้นเดียวหรือหน่วยของเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้อง
- สามารถสร้าง CFD ได้อย่างง่ายดายและพร้อมใช้งานสำหรับเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลาย เช่น สกุลเงินดิจิทัล
- การซื้อขาย CFD ดำเนินการผ่านเคาน์เตอร์กับโบรกเกอร์ CFD
CFD น้ำมันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้าที่ต้องการเก็งกำไรในราคาน้ำมันโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง มีเงินทุนจำกัด และต้องการใช้เลเวอเรจ มีวิธีการที่ตรงไปตรงมาในการลงทุนระยะสั้นตามการคาดการณ์ทิศทางของตลาดน้ำมัน
4. หุ้นบริษัทพลังงาน (Energy company shares)
หุ้นพลังงานตัวใหญ่หลายตัว มีขนาดกิจการหลายแสนล้าน ไปจนถึงเกินล้านล้าน เป็นหุ้นที่ต้องยอมรับว่าน่าสนใจ และสามารถเลือกมาลงทุนระยะยาวได้ วิธีการคัดเลือก ก็ควรกำหนดกรอบการลงทุนให้ชัดเจน เพราะเม็ดเงินเรามีจำกัด จะคัดเลือกตามคุณภาพกิจการ หรือตัวเลขทางการเงิน หรือจะนำทั้่งสองส่วนมาผสมผสานกัน ก็สามารถทำได้ค่ะ
5. น้ำมันดิบ ETFs (Crude Oil ETFs)
ETF เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมัน) หรือพันธบัตร วิธีนี้มักเป็นวิธีที่เสี่ยงน้อยที่สุดในการลงทุนในน้ำมันดิบ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ค้าที่มีประสบการณ์น้อย
ราคาน้ำมันดิบจะเป็นอย่างไร?

สำหรับคาดการณ์ราคาน้ำมันปี 2566 คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ หากไม่มีสถานการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นนะคะ เช่น ปัญหาการสู้รบระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซีย-ยูเครน และการคว่ำบาตรที่ไม่รุนแรงขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในปีหน้า คาดว่าจะมีซัพพลายน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดมากขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (OPEC) เตรียมทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเดือนละ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถึงสินปีนี้ น่าจะมีซัพพลายน้ำมันดิบป้อนเข้าสู่ตลาดสิ้นปีนี้ 3 ล้านบาร์เรล
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำการเทรด น้ำมันดิบ
- น้ำมันดิบถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสภาพคล่องสูงสุดเลยก็ว่าได้ค่ะ และที่สำคัญน้ำมันยังเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้กันในแทบทุกอุตสาหกรรม
- การเข้าใจว่าความผันผวนของอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ส่งผลต่อราคาน้ำมันอย่างไร จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ท่านเทรดได้กำไรมากยิ่งขึ้น
- ในการเทรดน้ำมันดิบ เทรดเดอร์จะต้องติดตามทั้งปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคร่วมด้วย
- การใช้กลยุทธ์เพื่อเทรดน้ำมันดิบ สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือการบริหารความเสี่ยงนั่นเอง
วิธีการเทรด น้ำมัน WTI และ Brent อย่างง่ายๆ
การซื้อ WTI oil และ Brent oil ผ่านทางโบรกเกอร์ MiTRADE นั้นง่ายและรวดเร็วมาก ในความเป็นจริงแล้ว การเปิดบัญชีนั้นสามารถทำทุกอย่างในออนไลน์ได้หมด และใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายที่ได้รับรางวัลมากมายอีกด้วย เรามาดูรายละเอียดแต่ละขั้นตอนกันเลย

>>>>> ไปเปิดบัญชีเริ่มเทรดกัน<<<<<
คุณสามารถซื้อขายน้ำมันกับ Mitrade ได้ด้วย 4 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1: เปิดบัญชีซื้อขาย
ขั้นตอนแรกในการเข้าร่วมตลาดการลงทุนน้ำมัน คุณต้อง เปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ Mitrade กันก่อนนะคะ มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ไม่กี่นาทีบัญชีจะได้รับการยืนยันและพร้อมสำหรับการเข้าใช้งานแล้ว

ขั้นตอนที่ 2: ฝากเงิน
สามารถโอนเงินเข้าสู่บัญชีได้ทันทีผ่านช่องทางทั้งการโอนเงินผ่านธนาคารไทยออนไลน์และ QR Code ตามจำนวนเงินที่คุณต้องการซื้อและเลเวอเรจที่ใช้ หลังจากนั้นบัญชีก็พร้อมสำหรับการเทรดแล้ว ตัวอย่างเช่น บน Mitrade หากคุณซื้อน้ำมัน WTI 0.01lit คุณต้องฝากเงินอย่างน้อย $5 เพื่อเปิดสถานะ

ขั้นตอนที่ 3: คำสั่ง ซื้อหรือขาย
ตามการคาดการณ์ของคุณในตลาดน้ำมัน หรือสกุลเงิน (Forex), คริปโตเคอร์เรนซี และดัชนี โดยค้นหาตราสาร ป้อนคำย่อของตราสารนั้น ๆ หรือชื่อในช่องค้นหาทางด้านขวาบน เลือกตราสารที่ต้องการและคลิก Sell/Buy หน้าต่างการซื้อขายจะปรากฏขึ้นค่ะ

ขั้นตอนที่ 4: ติดตามสถานะ ขายทำกำไร และหยุดการขาดทุน

และ Mitrade ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากบัญชีซื้อขายทดลอง ให้นักลงทุนต้องการเรียนรู้การเทรดแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มีเงินทุนไม่เพียงพอหรือไม่คุ้นเคยกับระบบ สามารถลองใช้บัญชีทดลองของ Mitrade เพื่อฝึกฝนการเทรดเงินเสมือนจริงฟรี $50,000 สามารถสมัครใช้ง่านได้ง่าย ๆ ผ่านทางหน้าเว็ปไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อทดลองเทรดและทำคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มของ Mitrade โดยที่ไม่มีความเสี่ยงและไม่ต้องเป็นกังวลใจค่ะ
รับฟรีทันที! เงินเสมือนจริง $50,000
เพียงแค่ 4 ขั้นตอนก็สามารถการซื้อ WTI oil และ Brent oil ผ่านทางโบรกเกอร์ Mitrade บนแพลตฟอร์มเว็บเทรดของ Mitrade ได้แล้ว การลงทุนใด ๆ ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ไม่มีการลงทุนใด ๆ ปราศจากความเสี่ยงได้ 100% ผู้ลงทุนจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงในการลงทุนเสมอ เพราะไม่มีอะไรจะเป็นหลักประกันได้ว่าการลงทุน จะต้องให้ผลตอบแทนที่สูงกลับคืนแก่ผู้ลงทุนเสมอไป ผลตอบแทนที่ได้รับอาจจะสูงหรือต่ำ หรืออาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนเลยก็ได้ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลปัจจุบันและการคาดการณ์ในอนาคต ติดตามข่าวสาร สถานการณ์ต่าง ๆ และวิธีการทำกำไรสำหรับการเทรดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เงินทุนติดลบนะคะ
“ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุน เพื่อให้เข้าใจในแพลตฟอร์มของ MiTrade ได้ดีขึ้น การเรียนรู้ใด ๆ เริ่มต้นจากการลงมือปฏิบัติจริงนะคะ”
**คำเตือน การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหาในบทความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาปัจจัยประกอบจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งก่อนการตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ลงทุนที่เหมาะสมแก่ท่าน
ใส่ความเห็น